โซนี่เปิดตัว FX2 กล้อง Cinema Line รุ่นล่าสุด ตอบโจทย์ครีเอเตอร์มืออาชีพ พร้อมเปิดโอกาสสู่เวทีระดับโลกใน Sony Future Filmmaker Awards 2026
_.jpg)
13 สิงหาคม 2568
บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เปิดตัว FX2 กล้องรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Cinema Line อย่างเป็นทางการ ออกแบบเพื่อตอบโจทย์ผู้สร้างสรรค์ยุคใหม่ที่ต้องการกล้องถ่ายภาพยนตร์คุณภาพสูง ซึ่งสามารถถ่ายภาพนิ่งความละเอียดสูงได้ในตัวเดียว ยกระดับจากกล้องดิจิทัลซีเนมาทั่วไปที่มักไม่รองรับงานภาพนิ่งความละเอียดสูง ทั้งในด้านรายละเอียดและการควบคุมสี โดย FX2 เหมาะสำหรับกองถ่าย ทีมโปรดักชันขนาดเล็ก และครีเอเตอร์ที่ต้องการกล้องถ่ายได้ทั้งภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่งอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมให้โทนสีสอดคล้องกันในทุกเฟรม เหมาะกับงานภาพยนตร์ วิดีโอคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย และการใช้ภาพนิ่งต่อยอดในสื่อโฆษณา โปสเตอร์ โปรโมชัน หรือบิลบอร์ด
_.jpg)
ด้วยขนาดกะทัดรัด การควบคุมที่เรียบง่ายแต่ยืดหยุ่น และฟังก์ชันครบครัน FX2 จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มองหากล้อง Cinema Line รุ่นเริ่มต้น โดยเฉพาะผู้ใช้งานที่เคยใช้กล้องยอดนิยมอย่าง Alpha 7 IV และต้องการยกระดับการทำงานสู่กล้องที่ออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพยนตร์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และดิจิทัลมีเดีย ครีเอเตอร์สายวิดีโอที่ต้องการพัฒนาคอนเทนต์ของตัวเองให้ก้าวสู่ระดับซีนีม่า หรือทีมโปรดักชันขนาดเล็กที่ต้องการงานวิดีโอคุณภาพสูงในงบประมาณที่เข้าถึงได้
ยิ่งไปกว่านั้น โซนี่ยังเปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์จากทั่วโลกได้แสดงศักยภาพบนเวทีระดับนานาชาติ ผ่านโครงการประกวด Sony Future Filmmaker Awards 2026 ที่กำลังเปิดรับผลงานภาพยนตร์สั้นเข้าร่วมแข่งขัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมมอบโอกาสอันล้ำค่าในการพัฒนาฝีมือ เรียนรู้จากมืออาชีพ และก้าวเข้าสู่เครือข่ายวงการภาพยนตร์ระดับสากลอย่างแท้จริง ทั้งนี้ หมดเขตรับผลงานในวันที่ 16 ธันวาคม 2025
_.jpg)
ความสามารถในการถ่ายวิดีโอแบบฟูลเฟรมและถ่ายภาพนิ่งในเครื่องเดียว
FX2 มาพร้อมเซนเซอร์ฟูลเฟรมที่ให้ภาพสวยคมชัด พร้อมเอฟเฟกต์โบเก้ที่โดดเด่น เช่นเดียวกับกล้องรุ่นอื่น ๆ ในตระกูล Cinema Line โดยติดตั้งเซนเซอร์ Exmor R™ แบบ backside-illuminated ความละเอียด 33.0 ล้านพิกเซล1 รองรับค่าไดนามิกเรนจ์กว้างถึง 15+ สต็อป เมื่อใช้งานร่วมกับ S-Log3 ช่วยเก็บรายละเอียดได้อย่างน่าประทับใจทั้งในส่วนสว่างและเงามืด พร้อม Dual Base ISO ที่ระดับ 800 และ 4000 สำหรับ S-Log3 เพื่อรองรับการถ่ายในสภาวะแสงที่หลากหลาย อีกทั้งยังสามารถปรับค่า ISO สำหรับวิดีโอได้สูงสุดถึง 102,400 ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายในที่แสงน้อย
_.jpg)
ในขณะเดียวกัน FX2 ยังรองรับการบันทึกวิดีโอได้หลากหลายรูปแบบเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน รองรับการบันทึกแบบ 4:2:2 10-bit All-Intra และฟอร์แมต XAVC S-I DCI 4K ที่ความเร็ว 24.00p พร้อมระบบระบายความร้อนภายในตัวเครื่องและโครงสร้างที่ช่วยจัดการความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถถ่ายทำต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 13 ชั่วโมงที่ความละเอียด 4K 60p2 อีกทั้งยังมาพร้อมฟังก์ชันปรับอัตราเฟรมเรตตามต้องการ รองรับการถ่าย 4K สูงสุดที่ 60 เฟรมต่อวินาที (สร้างเอฟเฟกต์สโลว์โมชั่นได้สูงสุด 2.5 เท่า) และสูงสุด 120 เฟรมต่อวินาทีในความละเอียด Full HD (สำหรับสโลว์โมชั่นสูงสุด 5 เท่า)
_.jpg)
มร. โยจิโระ อาซาอิ กรรมการผู้จัดการ_บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เปิดตัว Sony FX2
FX2 ยังมอบทางเลือกการทำงานที่ยืดหยุ่น รองรับการถ่ายแบบ Log ผ่านโหมด Cine EI, Cine EI Quick และ Flexible ISO พร้อมรองรับ LUTs ของผู้ใช้งานได้สูงสุดถึง 16 แบบ เพื่อการพรีวิววิดีโอบนกล้องอย่างแม่นยำระหว่างการถ่ายทำ ผู้ใช้งานยังสามารถสร้างสรรค์ลุคภาพยนตร์ได้อย่างง่ายดายภายในกล้อง ด้วยการตั้งค่า S-Cinetone™ เป็นค่าเริ่มต้น ร่วมกับ Picture Profile และ Creative Look หลากหลายให้เลือกใช้ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันแสดงผลแบบ desqueeze สำหรับเลนส์อนามอร์ฟิกทั้งแบบ 1.3x และ 2.0x ช่วยให้จัดเฟรมภาพได้อย่างแม่นยำและสะดวกยิ่งขึ้น
_.jpg)
การใช้งานที่สะดวกยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการถ่ายทำคนเดียว (Solo Creator)
FX2 ได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงกะทัดรัดและด้านบนแบนราบ เช่นเดียวกับ FX3 และ FX30 ในตระกูล Cinema Line เพื่อรองรับการใช้งานอย่างคล่องตัว ทั้งในกองถ่ายมืออาชีพและทีมขนาดเล็ก ตัวกล้องมาพร้อมจุดยึด UNC 1/4-20 จำนวน 3 จุดในตัว ทำให้สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องใส่เคจ และติดตั้งบนขาตั้งได้อย่างยืดหยุ่น เพิ่มอิสระในการจัดอุปกรณ์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมด้ามจับรุ่น XLR-H1 ที่ช่วยให้ควบคุมการถ่ายทำได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อถ่ายแบบ handheld หรือถ่ายในลักษณะไดนามิก โครงสร้างน้ำหนักเบา พกพาง่าย ขนาดตัวเครื่อง 129.7 x 77.8 x 103.7 มม. และน้ำหนักประมาณ 679 กรัม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับช่างภาพที่ถ่ายทำคนเดียวหรือทีมขนาดเล็ก
_.jpg)
_.jpg)
กล้องยังมาพร้อมระบบโฟกัส Real-time Recognition AF รุ่นพัฒนาขึ้นใหม่ ที่ให้การตรวจจับใบหน้าและวัตถุได้แม่นยำยิ่งขึ้น รองรับการติดตามทั้งคน สัตว์ นก ยานพาหนะ และแมลงได้อย่างชาญฉลาด พร้อมโหมด Auto ที่ช่วยให้ระบบเลือกประเภทวัตถุได้อัตโนมัติ เสริมด้วยฟีเจอร์ Focus Breathing Compensation, AF Assist และการตั้งค่าความเร็วและความไวในการเปลี่ยนโฟกัส เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์ควบคุมโฟกัสได้อย่างละเอียด และสร้างสรรค์ผลงานในสไตล์ภาพยนตร์ได้อย่างมืออาชีพ
_.jpg)
ด้านการถ่ายวิดีโอด้วยมือ กล้องรุ่นนี้มาพร้อมโหมด Active Mode และ Dynamic Active Mode ซึ่งเป็นครั้งแรกในซีรีส์ Cinema Line เพื่อเพิ่มความนิ่งของภาพโดยไม่ต้องใช้กิมบอล พร้อมฟีเจอร์ Auto Framing ที่สามารถจัดเฟรมและติดตามตัวแบบอัตโนมัติ แม้กล้องจะถูกติดตั้งอยู่บนขาตั้ง ระบบจะรักษาบุคคลให้อยู่ในจุดเด่นของภาพอย่างเป็นธรรมชาติ ขณะที่ฟังก์ชัน Framing Stabiliser จะช่วยรักษาตำแหน่งของตัวแบบให้อยู่ในจุดเดิมภายในเฟรม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายเคลื่อนไหว ในส่วนของการถ่ายภาพนิ่ง FX2 มาพร้อมเมนู ‘Log shooting’ ใหม่ รองรับการเก็บภาพความละเอียดสูงถึง 33 ล้านพิกเซล เหมาะสำหรับการนำไปเกรดสีในขั้นตอนโพสต์โปรดักชัน3แบบเดียวกับวิดีโอ ทำให้ภาพนิ่งที่ได้สามารถนำไปใช้สร้างสรรค์สื่อประชาสัมพันธ์หรือคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้ โดยคง mood & tone ให้สอดคล้องกับงานวิดีโออย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีสวิตช์ MOVIE/STILL ที่สลับโหมดได้อย่างรวดเร็ว และปุ่ม Fn ที่กดค้างเพื่อเลือกโหมดการถ่ายได้ทันที
_.jpg)
ฮาร์ดแวร์ปรับปรุงใหม่ แต่ยังคงให้ความคุ้นเคยแบบเดียวกันกับกล้องภาพยนตร์รุ่นอื่น ๆ ของโซนี่
เพื่อเพิ่มความสมจริงและความคล่องตัวในการถ่ายทำ FX2 มาพร้อมช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF)4 ความละเอียดสูง 3.68 ล้านจุด ปรับเอียงได้ และออกแบบมุมมองให้เหมาะกับงานวิดีโอโดยเฉพาะ พร้อมช่องมองภาพลึกเพื่อความสะดวกในการใช้งาน ขณะเดียวกัน หน้าจอ LCD แบบสัมผัสขนาด 3.0 นิ้วหมุนปรับมุมได้ (Vari-angle) ช่วยให้จัดเฟรมภาพได้จากทุกมุม กล้องยังมีการจัดวางปุ่มควบคุมอย่างเป็นระบบ ทั้งบนตัวเครื่องและรอบด้ามจับ เสริมด้วยไฟ Tally สำหรับแสดงสถานะการบันทึก และหน้าจอ “BIG6” ที่สามารถปรับแต่งการแสดงผลได้ เช่น เฟรมเรต (FPS), ค่า ISO, ความเร็วชัตเตอร์ (มุม/ความเร็ว), รูรับแสง, พรีเซ็ต Look, สมดุลแสงสีขาว และสถานะฟิลเตอร์ ND
FX2 รองรับการถ่ายวิดีโอแนวตั้ง (Vertical Video) พร้อมการแสดงผลข้อมูลในแนวดิ่งระหว่างถ่ายทำอย่างเต็มรูปแบบ สำหรับรุ่นที่มาพร้อมด้ามจับ (ILME-FX2) ยังติดตั้งพอร์ต XLR/TRS จำนวน 2 ช่อง และแจ็คไมโครโฟนขนาด 3.5 มม. รองรับการบันทึกเสียงดิจิทัลคุณภาพสูงระดับมืออาชีพได้ถึง 4 แชนเนล 24-bit
ด้านการเชื่อมต่อ FX2 รองรับพอร์ต HDMI Type-A สำหรับส่งออกวิดีโอคุณภาพสูงระดับ 4K 60p 4:2:2 10-bit และ 16-bit RAW5 เหมาะสำหรับการบันทึกและมอนิเตอร์ระดับมืออาชีพ พร้อมการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Wi-Fi แบบดูอัลแบนด์ (2.4 GHz และ 5 GHz)6 และการเชื่อมต่อ LAN ผ่านอะแดปเตอร์ที่รองรับ7 เพื่อความสะดวกในการส่งข้อมูลหรือควบคุมกล้องจากระยะไกล นอกจากนี้ยังมีพอร์ต USB Type-C® รองรับ SuperSpeed USB 10Gbps และระบบจ่ายไฟ USB Power Delivery (PD) รวมถึงฟังก์ชัน USB streaming และการสตรีมผ่านเครือข่ายในตัว เพื่อตอบโจทย์การทำงานแบบรีโมตโปรดักชันได้อย่างราบรื่น8
.jpg)
นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและการเข้าถึงการใช้งานอย่างเท่าเทียม
FX2ได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับแนวคิด “Road to Zero”ซึ่งเป็นเป้าหมายระยะยาวของโซนี่ในการมุ่งสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 โดยกระบวนการผลิตของกล้องรุ่นนี้ดำเนินการในโรงงานที่ใช้พลังงานหมุนเวียน9 100% สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมความยั่งยืนในทุกขั้นตอนการผลิต
นอกจากนี้ FX2 ยังได้รับการออกแบบเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้อย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะผู้ใช้งานที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น จึงติดตั้งฟังก์ชันช่วยเหลือ เช่น ระบบอ่านหน้าจอ (Screen Reader)10 และฟีเจอร์ขยายหน้าจอ (Display Magnification) ที่รองรับเมนูหลากหลายรูปแบบ รวมถึงระบบควบคุมที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและเป็นมิตรต่อผู้ใช้ทุกระดับ อาทิ
- ระบบโฟกัส Real-time Recognition ที่ช่วยลดความจำเป็นในการปรับค่าด้วยตนเอง
- หน้าจอสัมผัสที่สามารถเข้าถึงเมนูได้โดยตรง
- ปุ่มควบคุมแบบสัมผัสที่มีลักษณะเฉพาะ แยกแยะได้ง่าย
การออกแบบที่ครอบคลุมเหล่านี้ ช่วยให้ FX2 เป็นเครื่องมือสร้างสรรค์ระดับมืออาชีพ ที่พร้อมเปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์ทุกคนได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อจำกัดทางกายภาพหรือข้อจำกัดด้านเทคนิคใด ๆ
.jpg)
โซนี่เปิดเวทีระดับโลก! Future Filmmaker Awards 2026 เฟ้นหาครีเอเตอร์รุ่นใหม่
โซนี่ยกระดับวงการครีเอเตอร์ระดับโลกอีกครั้งกับการประกวด Sony Future Filmmaker Awardsประจำปี 2026 ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 4 โดยความร่วมมือระหว่าง Sony และ Creo เพื่อเฟ้นหาผู้สร้างภาพยนตร์รุ่นใหม่ที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนวงการในอนาคต โครงการนี้เปิดกว้างให้ผู้ที่มีใจรักการทำภาพยนตร์จากทั่วโลก ส่งผลงานภาพยนตร์สั้นเข้าประกวดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมมอบโอกาสก้าวสู่เส้นทางอาชีพจริง และเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายผู้สร้างสรรค์ระดับนานาชาติ
ผู้เข้ารอบสุดท้ายจะได้รับเชิญเข้าร่วมโปรแกรมเวิร์กชอปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ณ Sony Pictures Studios เมืองคัลเวอร์ซิตี้ ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 8–11 มิถุนายน 2026 และปิดท้ายด้วยงานประกาศรางวัลสุดยิ่งใหญ่ในวันที่ 11 มิถุนายน 2026 ตลอด 4 วันเต็ม ผู้เข้ารอบจะได้สัมผัสประสบการณ์เบื้องหลังการผลิตภาพยนตร์ผ่านกิจกรรมที่ออกแบบอย่างละเอียดลึกซึ้ง ทั้งเวิร์กชอป การเสวนา และการอบรมจากผู้บริหารระดับสูงของ Sony Pictures ในหัวข้อต่าง ๆ อาทิ กระบวนการโปรดักชัน การบริหารศิลปิน การเจรจาดีล การจัดซื้อภาพยนตร์ การทำงานกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ เทคโนโลยีการถ่ายทำล่าสุด เทคนิคแอนิเมชัน ไปจนถึงศิลปะการทำดนตรีประกอบภาพยนตร์
_.jpg)
เปิดรับผลงาน 5 หมวดหมู่หลัก ได้แก่
- Fiction – ภาพยนตร์แนวเรื่องแต่ง (ความยาว 5–20 นาที) คัดเลือกผู้เข้ารอบสุดท้าย 10 คน ผู้ชนะจะได้รับอุปกรณ์การถ่ายภาพจาก Sony และเงินรางวัล 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- Non-Fiction – ภาพยนตร์สารคดีหรือเนื้อหาข้อเท็จจริง (ความยาว 5–20 นาที) คัดเลือกผู้เข้ารอบสุดท้าย 10 คน ผู้ชนะได้รับรางวัลเช่นเดียวกับหมวด Fiction
- Animation – ภาพยนตร์แอนิเมชันทุกรูปแบบ (ความยาว 2–20 นาที) เช่น สต็อปโมชั่น กราฟิกคอมพิวเตอร์ หรือแอนิเมชันแนวทดลอง คัดเลือกผู้เข้ารอบสุดท้าย 5 คน
- Student – สำหรับนักศึกษาที่กำลังศึกษาในหลักสูตรด้านภาพยนตร์ (ความยาว 5–20 นาที) คัดเลือกผู้เข้ารอบสุดท้าย 5 คน ผู้ชนะและสถาบันจะได้รับอุปกรณ์การถ่ายภาพจาก Sony
- Future Format – หมวดหมู่พิเศษสำหรับวิดีโอแนวตั้งอัตราส่วน 9:16 (ความยาว 2–5 นาที) ไม่จำกัดแนวหรืออุปกรณ์ ผู้ชนะจะได้เข้าร่วมโปรแกรมที่ลอสแอนเจลิส พร้อมรับเงินรางวัล 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ และอุปกรณ์จาก Sony
ประกาศผลรางวัล
ผู้ชนะในหมวด Fiction, Non-Fiction, Animation และ Student จะได้รับการประกาศในพิธีมอบรางวัลวันที่ 11 มิถุนายน 2026 ส่วนหมวด Future Format จะประกาศผลผู้ชนะและผู้ได้รับการคัดเลือกในเดือนเมษายน 2026 นอกจากนี้ยังมีรางวัลพิเศษ “Sustainability Prize”ซึ่งจัดโดย Sony และ Creo เพื่อยกย่องภาพยนตร์สั้นที่ถ่ายทอดประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการเข้าถึงได้อย่างสร้างสรรค์ โดยผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัล 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมอุปกรณ์โซนี่ และการโปรโมตผ่านช่องทางต่าง ๆ ของโครงการ ทั้งนี้ หมดเขตรับผลงานวันที่ 16 ธันวาคม 2025 และสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือส่งผลงานได้ที่เว็บไซต์ sonyfuturefilmmakerawards.com
กำหนดการวางจำหน่าย
FX2 พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
• กล้อง FX2 เฉพาะบอดี้ (ILME-FX2B) ราคา 95,990 บาท
• กล้อง FX2 พร้อมชุดด้ามจับ XLR (ILME-FX2) ราคา 109,990 บาท
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ข้อมูลโซนี่ โทร. 0-2715-6100 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.sony.co.th เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมสัมผัสประสบการณ์การถ่ายภาพด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยจากโซนี่ ได้ที่โซนี่ สโตร์ ทุกสาขา, ร้านโซนี่ เซ็นเตอร์ และร้านผู้แทนจำหน่ายกล้องชั้นนำที่ได้รับการคัดสรรทั่วประเทศ
_.jpg)
