ปอร์เช่เสริมทัพรถสปอร์ตไฟฟ้าในรุ่นไทคานน์ (Taycan) รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้ารุ่นเริ่มต้นขับเคลื่อนล้อหลัง
28 มกราคม 2564
ด้วยการมาถึงของ ไทคานน์ ใหม่ (The new Taycan) รุ่นใหม่ล่าสุด ปอร์เช่ได้สร้างทางเลือกที่หลากหลายถึง 4 รูปแบบ ให้กับลูกค้าผู้ชื่นชอบยนตรกรรมสปอร์ตซาลูนพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรก น้องใหม่ที่จะมาเติมเต็มเคียงข้างรุ่นพี่อย่าง ไทคานน์ เทอร์โบ เอส(Taycan Turbo S) ไทคาน เทอร์โบ (Taycan Turbo) และ ไทคานน์ 4เอส(Taycan 4S) ได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลังและทางเลือกจากแบตเตอรี่ 2 ขนาดความจุ สำหรับขนาดมาตรฐาน Performance Battery รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้ารุ่นเริ่มต้นคันใหม่ ให้พละกำลังสูงสุดถึง 408 แรงม้า(300 กิโลวัตต์) เมื่อทำงานใน overboost mode และ Launch Controlยกระดับศักยภาพสูงสุดกว่า476 แรงม้า(350 กิโลวัต์) จากอุปกรณ์พิเศษ Performance Battery Plusสำหรับการทำงานในโหมดปกติให้กำลังที่326 แรงม้า (240 กิโลวัตต์) หรือ 380 แรงม้า(280 กิโลวัตต์) ตามลำดับ
เช่นเดียวกับในรุ่นอื่น อุปกรณ์พิเศษต่างๆ ยังคงถูกจัดเตรียมไว้เพื่อรองรับไม่ว่าจะเป็นหน้าจอสี colour head-up display และ ชุด on-board charger ที่ให้ความจุสูงสุด 22 กิโลวัตต์ มาพร้อมระบบ Functions on Demand (FoD) ผู้ขับขี่ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan)
ทางเลือกพละกำลังจากแบตเตอรี่ 2 รูปแบบ
ติดตั้ง single-deck Performance Battery ที่ให้กำลังสูงสุด 79.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และสามารถเลือกอุปกรณ์ พิเศษเพิ่มเติม two-deck Performance Battery Plus เสริมประสิทธิภาพด้วยกำลังสูงสุดขยับเพิ่มขึ้นเป็น 93.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง ในส่วนของพิสัยระยะการเดินทางสูงสุดเมื่อทดสอบตามมาตรฐาน WLTP สามารถทำได้ที่ 431 กิโลเมตร และ 484 กิโลเมตร ตามลำดับ
ปอร์เช่ ไทคานน์(Porschr Taycan) ให้อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปยังความเร็ว100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 5.4 วินาที ทำความเร็วสูงสุดที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้ง 2 ขนาดความจุแบตเตอรี่ขณะที่สามารถรองรับการประจุพลังงานได้สูงสุดที่ 225 กิโลวัตต์(Performance Battery) หรือ 270 กิโลวัตต์(Performance Battery Plus) หมายความว่าแบตเตอรี่ทั้ง 2 ขนาด จะใช้ระยะเวลาในการชาร์จพลังงานจาก 5 - 80 %ในสภาวะการชาร์จไฟปกติ เพียง 22.5 นาที และสะสมพลังงานจนวิ่งได้ถึง 100 กิโลเมตร หลังจากการชาร์จเพียง 5 นาทีเท่านั้น
นวัตกรรมมอเตอร์ขับเคลื่อนเต็มเปี่ยมด้วยสมรรถนะ
อัตราเร่งที่เร้าใจ พละกำลังมหาศาลอันเป็นคุณสมบัติประจำตัวของยนตรกรรมสปอร์ตสายพันธุ์แท้ รวมทั้งศักยภาพในการถ่าย ทอด พลังขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องน้องใหม่ในรุ่นเริ่มต้นยังคงรักษาคุณงามความดีอันยอดเยี่ยมทั้งหมดของปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) เอาไว้อย่างครบถ้วน
มอเตอร์สมรรถนะสูง permanently excited synchronous บริเวณเพลาคู่หลังมีความยาวเพียง 130 มิลลิเมตร ซึ่งมีขนาดเท่ากับกลไกขับเคลื่อนที่ติดตั้งใน ไทคานน์ 4เอส (Taycan 4S) ส่วนของอุปกรณ์ pulse-controlled inverter ซึ่งติดตั้งบริเวณเพลาคู่หลัง สามารถสร้างกระแสไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 600 แอมป์
นอกเหนือจากการทำงานอย่างลงตัวของมอเตอร์เเล้ว permanently excited synchronous machines รถคันนี้ยังสามารถถ่ายทอดพละกำลังมหาศาลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผ่านชุดส่งกำลัง two-speed transmission ของเพลาคู่หลังอันเป็นสถาปัตยกรรมระบบขับเคลื่อนชั้นเลิศ เฉกเช่นเดียวกันกับพี่น้องร่วมสายพันธุ์ ติดตั้งระบบประจุพลังงานเหนือระดับและด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน Cdที่ต่ำเพียง 0.22 รวมทั้งอัจฉริยภาพด้านระบบอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมจากการออกเเบบรูปทรงตัวถังที่เหมาะสม ผลลัพธ์ที่ได้คืออัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ประหยัด และพิสัยระยะเดินทางที่ทำได้ไกลอย่างน่าอัศจรรย์พร้อมระบบชาร์จพลังย้อนกลับ recuperation power สูงสุดถึง 265 กิโลวัตต์
ดีไซน์ภายนอกสะท้อนภาพ DNA ปอร์เช่
ด้วยงานออกแบบที่เรียบหรู สะอาดตา ปอร์เช่ ไทคานน์ (PorscheTaycan) ถ่ายทอดแก่ผู้พบเห็นอย่างตรงไปตรงมา ในฐานะสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นยุคใหม่ของปอร์เช่ ในขณะเดียวกันรถสปอร์ตคันนี้ยังคงรักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของในงาน ออกเเบบในรูปเเบบดั้งเดิมของ DNA ปอร์เช่ โดยไม่มีขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด เริ่มต้นตั้งแต่มุมมองด้านหน้าที่กว้างและ แบนราบ ขนาบด้วยโป่งซุ้มล้อที่โค้งมนสง่างาม ยกระดับรูปทรงโดยรวมให้ปราดเปรียว เฉียบคม ด้วยแนวหลังคาสไตล์สปอร์ต ที่เทลาดลงอย่างต่อเนื่องกลมกลืนจรดด้านท้าย แนวตัวถังด้านข้างที่เปี่ยมไปด้วยบุคลิกเฉพาะตัว มุมมองจากห้องโดยสาร ที่ปลอดโปร่ง แนวโค้งของเสา C-pillar ที่วางตัวผสานกับซุ้มล้อหลัง เป็นหนึ่งเดียวกับสปอยเลอร์ท้ายรถที่ตอกย้ำถึงความ กร้าวแกร่งทรงพลัง อันเป็นสมรรถนะติดตัวรถยนต์ปอร์เช่ทุกคัน เสริมความโดดเด่นด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยรอบคัน อาทิ ตราสัญลักษณ์ปอร์เช่ที่สะท้อนประกายสวยงามหรือ glass-effect Porsche logo ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่รวมอยู่กับแผงไฟ light bar บริเวณท้ายรถ
อุปกรณ์ที่สร้างความแตกต่างระหว่าง ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นในสายพันธุ์เดียวกัน ได้แก่ ล้ออัลลอย ที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ขนาด 19 นิ้ว ลาย Taycan Aero คาลิเปอร์เบรกสีดำ black anodised ทั้ง 4 ล้อ ชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้าออกเเบบใหม่ ชายล่างด้านข้าง และดิฟฟิวเซอร์หลังสีดำ เสริมอารมณ์สปอร์ตเต็มพิกัด เช่นเดียวกับ ไทคานน์ 4เอส (Taycan 4S)ไฟหน้า LED ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
งานตกแต่งภายในห้องโดยสารอันเปี่ยมเอกลักษณ์
ภายในห้องโดยสาร แสดงออกถึงบรรยากาศของการเริ่มต้นเข้าสู่ยุคใหม่ของยนตรสปอร์ตล้ำอนาคตนับตั้งแต่ปี 2019 ปลอดโปร่ง ด้วยโครงสร้างและสถาปัตยกรรมใหม่หมดจดสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางอุปกรณ์รายรอบ แผงหน้าปัทม์ทรงโค้งมน ในตำแหน่งบนสุดของแผงคอนโซลหน้า ให้มุมมองที่ชัดเจนที่สุดจากสายตาของผู้ขับขี่ คอนโซลกลางติดตั้งหน้าจอ infotainmentขนาดใหญ่ถึง10.9นิ้ว พร้อมหน้าจอสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าเป็นอุปกรณ์พิเศษติดตั้งเพิ่มเติม
สร้างบรรยากาศที่กลมกลืนลงตัวกับงานตกแต่งภายในมาตรฐานของปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ที่เพียบพร้อมไปด้วยวัสดุ กึ่งหนังคุณภาพสูง และได้รับการติดตั้งเบาะนั่งคู่หน้าแบบ comfort seats ปรับระดับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พื้นที่บรรทุกสัมภาระ 2 ตำแหน่งด้านหน้าความจุ 84 ลิตร และด้านหลังรองรับได้ถึง 407 ลิตร
นอกจากนี้ สำหรับปอร์เช่ ไทคานน์ (PorscheTaycan) ปอร์เช่นำเสนอมิติใหม่ของงานตกแต่งภายในที่ปราศจากการใช้วัสดุหนัง เป็นครั้งแรกชิ้นงานภายในประกอบด้วยนวัตกรรมวัสดุรีไซเคิลซึ่งล้วนแล้วแต่ตอบโจทย์แนวคิดในการพัฒนารถสปอร์ตพลังงาน ไฟฟ้าอย่างยั่งยืน
เครือข่ายระบบควบคุมช่วงล่างแบบรวมศูนย์Centrally networked chassis systems
ระบบ Porsche 4D-Chassis Controlรับหน้าที่วิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลที่ได้จาก ระบบควบคุมช่วงล่างทั้งหมดแบบ real timeให้การตอบสนองที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นช่วงล่างสปริงที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) หรือระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ adaptive air suspension พร้อมเทคโนโลยี three-chamber รวมทั้งระบบ PASM (Porsche Active Suspension Management) electronic damper control system
ยิ่งไปกว่านั้นระบบ adaptive air suspension ยังได้รับการเสริมด้วยฟังก์ชัน Smartliftซึ่งเป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่ยกระดับความสูง ของช่วงล่างไทคานน์(Taycan) ได้โดยอัตโนมัติ เมื่อขับขี่บนเส้นทางที่สุ่มเสี่ยง อาทิ ถนนขรุขระ หรือการนำรถเข้าศูนย์บริการ ฟังก์ชัน Smartlift สามารถปรับเปลี่ยนระดับความสูงของตัวรถให้สัมพันธ์กับการขับขี่ แม้แต่การเดินทางบนมอเตอร์เวย์รวมทั้ง ปรับแต่งเพื่อให้เกิดความสมดุลที่สุด ระหว่างสมรรถนะกับความนุ่มนวลสะดวกสบาย
ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) มาพร้อมระบบเบรกมาตรฐาน คู่หน้าคาลิเปอร์อะลูมิเนียมโมโนบลอก 6 ลูกสูบ และ 4 ลูกสูบในเบรกคู่หลัง จานเบรกพร้อมครีบระบายความร้อน เส้นผ่านศูนย์กลาง 360 มิลลิเมตรในด้านหน้า และ 358 มิลลิเมตร สำหรับด้านหลัง เติมเต็มความดุดันโฉบเฉี่ยวด้วยตัวเรือนคาลิเปอร์เบรกสีดำ black anodised
สามารถสั่งติดตั้งอุปกรณ์พิเศษ high-performance Porsche Surface Coated Brake (PSCB) ขยายขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ของจานเบรกคู่หน้าเพิ่มขึ้นเป็น 410 มิลลิเมตร และคู่หลังขนาด 365 มิลลิเมตร
ปีแห่งความสำเร็จของปอร์เช่ ไทคานน์(Taycan)
ปอร์เช่ ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการก้าวเข้าสู่ยุคสมัยของยานพาหนะพลังไฟฟ้าจากตัวเลขยอดส่งมอบไทคานน์ (Taycan) ที่มากกว่า 20,000 คัน ไปยังลูกค้าทั่วโลกตลอดปี 2020 ในประเทศนอร์เวย์ ไทคานน์(Taycan)คือรุ่นที่ทำยอดจำหน่ายได้ถึง 70 % จากจำนวนทั้งหมดของรถยนต์ปอร์เช่ที่ขายได้ นอกจากนี้ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จำนวนลูกค้าผู้ตัดสินใจเป็นเจ้าของไทคานน์(Taycan) เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัว หรือคิดเป็นตัวเลขยอดขายถึง 1000 คันในนอร์เวย์ นี่คือรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าที่กวาดรางวัลเกียรติยศระดับนานาชาติมาแล้วมากกว่า 50 รางวัล ทั้งในตลาดหลักของโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศเยอรมนี สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และประเทศจีน และสำหรับ ไทคานน์ ใหม่ (The new Taycan)รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังยังสามารถสร้างสถิติ Guinness World Record™ ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าที่ดริฟท์ได้ยาวที่สุดโดยเป็น การสไลด์ด้านข้างแบบไม่หยุดรวมระยะทางกว่า 42.171 กิโลเมตร
ราคาจำหน่าย
ปอร์เช่ ไทคานน์ ใหม่ (The new Taycan) รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง ราคาเริ่มต้น 6.19 ล้านบาท พร้อมรับคำสั่งซื้อเเล้ววันนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูม ปอร์เช่ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ทุกสาขา
ติดตามข้อมูลข่าวสาร ภาพยนตร์ และภาพถ่ายเพิ่มเติม ได้ที่ Porsche Newsroom:newsroom.porsche.com
*อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐานสากล ที่สอดคล้องกับวิธีการ Light Vehicle Test Procedure (WLTP) ล่าสุด สำหรับค่าการตรวจวัดอัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน NEDC ที่ระบุในบทความนี้ใช้อ้างอิง ได้เฉพาะสภาพการทดสอบในช่วงเวลาเดียวเท่านั้น ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับค่าการตรวจวัดอัตราสิ้นเปลืองของ NEDC ที่ได้จากวิธีการอื่น ใดก่อนหน้าการทดสอบนี้
สำหรับข้อมูลอย่างเป็นทางการของผลทดสอบอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในรถยนต์รุ่นใหม่อื่นๆ สามารถค้นหาได้จากเอกสาร“Guidelines on fuel consumption, CO2 emissions and power consumption of new passenger cars” [Leitfaden über den Kraftstoffverbrauch, die CO2-Emissionen und den Stromverbrauch neuer Personenkraftwagen], ผ่านตัวแทนจำหน่ายและสถาบัน Deutsche Automobil Treuhand GmbH (DAT) โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น