มิชลิน อะจิลิส 3 เปิดตัวรุกเจาะตลาดย่อยที่มีโอกาสเติบโตสูง ภายใต้ตลาดยางรถบรรทุกขนาดเล็กเพื่อการพาณิชย์ นำเสนอโซลูชั่นที่เหนือกว่าภายใต้สโลแกน “มั่นใจยาวนาน พร้อมลุยงานเต็มพิกัด”

2 กันยายน 2563

          มิชลิน ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยียางรถยนต์ระดับโลกเปิดตัว ‘มิชลิน อะจิลิส 3’ (MICHELIN Agilis 3) ยางรถกระบะและรถตู้รุ่นล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อเจาะตลาดย่อยกลุ่มผู้ใช้รถสำหรับขนส่งผู้คนหรือสินค้าประเภทงานบรรทุกเบา (Light Load Segment) ซึ่งเป็นตลาดย่อยขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยยางรุ่นนี้โดดเด่นด้วยโซลูชั่นที่เหนือกว่าในทุกด้าน ทั้งความปลอดภัย สมรรถนะ และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

          เชน แชดเดอร์ตัน(Shane Chadderton) หัวหน้าฝ่ายการตลาดแบบองค์กร (B2B Marketing) ส่วนงานการสัญจรในเขตเมือง เปิดเผยว่า “ยาง มิชลิน อะจิลิส 3 พัฒนาขึ้นภายใต้พันธสัญญาของแบรนด์มิชลินในเรื่องการให้สมรรถนะและความปลอดภัยที่ยาวนานยิ่งกว่า (Performance and Safety Made to Last) โดยมาพร้อมนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและคุณสมบัติที่โดดเด่นเพื่อสมรรถนะที่ยาวนาน ความปลอดภัยและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมขั้นสูง ปัจจัยเหล่านี้ไม่เพียงทำให้ยางรุ่นนี้มีข้อได้เปรียบในเชิงการแข่งขันเหนือกว่าคู่แข่งในตลาดย่อยเดียวกัน แต่ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นของมิชลินในเรื่องการสัญจรที่ยั่งยืนยิ่งกว่า โดยเราวางจุดยืนให้ยาง มิชลิน อะจิลิส 3 เป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตของการสัญจรในเขตเมืองอย่างยั่งยืน  ยิ่งกว่านั้น ยางพัฒนาการล่าสุดรุ่นนี้ยังตอกย้ำจุดยืนทางกลยุทธ์ของกลุ่มมิชลินในเรื่องสมรรถนะที่ยั่งยืน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการสัญจรที่มีประสิทธิภาพ เข้าถึงได้ง่าย สะอาด และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

 

         เทคโนโลยีและคุณลักษณะเด่นที่สำคัญของยาง มิชลิน อะจิลิส 3 ได้แก่ สันสลัดหิน (Stone Ejectors) แถบนูนแนวขวางในร่องดอกยางที่ออกแบบมาเพื่อลดปัญหาเศษหินติดตามร่องดอกยาง ช่วยให้ลูกค้าสูญเสียเวลาในการซ่อมบำรุงน้อยที่สุดและมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง, แถบปกป้องแก้มยาง (Sidewall Shields) ที่มีความหนา 1.5 มิลลิเมตร ซึ่งไม่มีในยางรุ่นก่อนหน้านี้ ผลิตจากเนื้อยางที่ทนต่อการขูดขีด ให้การปกป้องบริเวณแก้มยางและไหล่ยางเพิ่มเป็นพิเศษโดยยังคงรักษาความยืดหยุ่นของโครงยางเอาไว้, สูตรเนื้อยางนวัตกรรมใหม่ (Innovative Compound) ที่ประกอบขึ้นด้วยซิลิกาและคาร์บอนแบล็คปริมาณหนาแน่นกว่าเดิมเพื่อให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นในการยึดเกาะถนนเปียก ประหยัดเชื้อเพลิง และใช้งานได้เป็นระยะทางมากขึ้น, ร่องรีดน้ำรูปตัว U (U-Shape Grooves) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรีดน้ำ ส่งผลให้สมรรถนะการยึดเกาะถนนเปียกของยางยาวนานยิ่งขึ้น, ร่องบากแบบเต็มความหนาหน้ายาง (Full Depth Sipes) ซึ่งช่วยให้บล็อกดอกยางมีความยืดหยุ่นที่ดี ส่งผลให้ยางมีประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนเปียกระดับแนวหน้าในตลาด ทั้งตอนใหม่และใกล้หมดดอก และ เนื้อยางเสริมใต้ฐานดอกยาง (Undertread) ซึ่งช่วยรักษาอุณหภูมิยางล้อขณะใช้งานให้เย็นกว่าปกติ จึงช่วยลดต้นทุนด้านเชื้อเพลิง

 

         เทคโนโลยีและคุณลักษณะข้างต้นเอื้อประโยชน์สำคัญ 3 ประการให้กับผู้ใช้ยาง มิชลิน อะจิลิส 3 นั่นคือ ระยะเบรกบนถนนเปียกที่สั้นขึ้น โดยมีระยะเบรกสั้นกว่ายางคู่แข่งรายหลักๆ ร้อยละ 5 หรือคิดเป็นระยะทางถึง 1.9 เมตร สำหรับยางใหม่ และร้อยละ 11 หรือคิดเป็นระยะทางถึง 3.8 เมตร สำหรับยางใกล้หมดดอก1, ระยะทางในการขับขี่ตลอดอายุการใช้งานที่เหนือกว่า ใช้งานได้ยาวนานกว่ายางรุ่นก่อนถึงร้อยละ 25 และลดการสูญเสียเวลาไปกับการซ่อมบำรุงยางที่ชำรุดเสียหาย2 และ ประหยัดเชื้อเพลิงจึงช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเมื่อเทียบกับยางคู่แข่งโดยเฉลี่ย ยาง มิชลิน อะจิลิส 3 มีแรงต้านการหมุนของล้อต่ำกว่าถึงร้อยละ 123, อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่าถึง 90 มิลลิลิตร/100 กิโลเมตร และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่าถึง 228 กรัม/100 กิโลเมตร

         เซบาสเตียน เอโน(Sebastien Henot) ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ B2B บริษัทสยามมิชลินจำกัดเปิดเผยว่า “ยาง มิชลิน อะจิลิส 3ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษโดยใช้โครงยางชนิดเสริมความแข็งแกร่ง เพื่อให้ยางมีศักยภาพรองรับลักษณะการใช้งานและสภาพถนนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ  สมรรถนะที่เหนือกว่าประกอบกับประโยชน์และข้อได้เปรียบต่างๆ ที่มากับยางรุ่นนี้ภายใต้สโลแกน “มั่นใจยาวนาน พร้อมลุยงานเต็มพิกัด” ทำให้เรามั่นใจว่า มิชลิน อะจิลิส 3จะได้รับความสนใจและการตอบรับเป็นอย่างดีในประเทศไทย

           ปัจจุบัน ยาง มิชลิน อะจิลิส 3 มีวางจำหน่ายแล้ว ณ ร้านตัวแทนจำหน่ายยางอย่างเป็นทางการของมิชลินทั่วประเทศ โดยยางทุกขนาด (รวมถึงขนาดใหม่ 4 ขนาด) ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่ขอบ 13-17 นิ้ว รองรับทุกการใช้งานยางในตลาดย่อยประเภทงานบรรทุกเบา (1-3 ตัน) ของตลาดรถบรรทุกขนาดเล็กเพื่อการพาณิชย์ในประเทศไทย คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่www.michelin.co.th

หมายเหตุ

1 อ้างอิงผลทดสอบประสิทธิภาพการเบรกบนพื้นเปียกที่ความเร็วในการขับขี่ 0-80กม./ชม. โดยบริษัท ทียูวี ไรน์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด ตามคำขอ
  ของมิชลิน เมื่อเดือนมิถุนายน
2563  โดยติดตั้งยางขนาด215/70R15Cกับรถทดสอบยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮเอซ คอมมิวเตอร์ (Hiace Commuter) ซึ่งอยู่
  ในสถานะบรรทุกของเต็มพิกัดโดยน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกอยู่ที่
2,950กิโลกรัมเพื่อดำเนินการเปรียบเทียบยาง มิชลิน อะจิลิส 3
  ทั้งสภาพใหม่และใกล้หมดดอก กับยางแบรนด์อื่นอีก
3แบรนด์  คำว่า ใกล้หมดดอกในที่นี้หมายถึงยางที่มีความลึกร่องดอกยางเหลือ 2มิลลิเมตร

2อ้างอิงผลการทดสอบภายในองค์กรซึ่งมิชลินจัดทำขึ้นบนถนนจริงในประเทศไทย โดยติดตั้งยางขนาด215/70R15Cกับรถกระบะยี่ห้อฟอร์ด
  รุ่นเรนเจอร์ (
Ranger)โดยมีค่าน้ำหนักบรรทุกบนเพลาหน้าอยู่ที่ 1,446กิโลกรัม และเพลาท้ายอยู่ที่ 1,443กิโลกรัมดัชนีอายุการใช้งานคำนวณจาก
  ค่าเฉลี่ยฮาร์มอนิค (
Harmonic Average) ของยางทั้ง 4 เส้น ภายใต้ข้อสันนิษฐานว่าลูกค้าทำการสลับยางสม่ำเสมอ

3อ้างอิงผลทดสอบแรงต้านการหมุนของล้อ ซึ่งจัดทำขึ้น ณ สถาบันยานยนต์ (Thailand Automotive Institute) และได้รับการรับรองจากบริษัท ทียูวี
  ไรน์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด ตามคำขอของมิชลิน เมื่อเดือนธันวาคม
2562 โดยทำการทดสอบกับยางขนาด215/70R15Cเปรียบเทียบระหว่าง
  ยาง
มิชลิน อะจิลิส 3กับยางคู่แข่งแบรนด์อื่น

 

Visitors: 882,518