TEST DRIVE ALL NEW MAZDA CX-30 รถเอนกประสงค์ขนาดย่อม ที่ขับสนุกในทุกเส้นทาง
ในช่วงที่ผ่านมาค่ายมาสด้า ได้เปิดตัวรถแบบรัว ๆ มาเป็นชุด ซึ่งล่าสุดก็คือรถครอสโอเวอร์ เอสยูวีขนาดย่อมอย่างเจ้า All New Mazda CX-30 ซึ่งหลังจากเปิดตัวไม่นาน เราก็ได้ไปขับทดสอบรถรุ่นนี้กันบนเส้นทางพิษณุโลก-ขอนแก่น ซึ่งมีระยะทางรวมประมาณ 340 กิโลเมตร โดยหากใครเคยใช้เส้นทางนี้ก็คงจะรู้ดีว่า เป็นรูปแบบเส้นทางที่จัดกันมาแบบครบรสทั้งในเมือง นอกเมือง และบนเขา ที่ต้องเจอเส้นทางคดโค้ง ขึ้นเนิน ลงเนิน
และแน่นอนครับ ก่อนจะไปคุยกันเรื่องการขับขี่ ขอเล่าสเปกคร่าว ๆ ของเจ้า All-New Mazda CX-30 ให้เพื่อน ๆ ฟังกันก่อนดีกว่านะครับ All New Mazda CX-30 เป็นรถที่ถูกวางตำแหน่งมาให้อยู่ระหว่าง Mazda CX-3 น้องเล็กในกลุ่มเอสยูวี กับ Mazda CX-5 รถไซส์กลางของกลุ่ม เพื่อให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภค พร้อมทั้งเสริมจุดเด่นด้วยการยกเทคโนโลยีของรถในกลุ่มนี้มาบรรจุไว้อย่างครบครัน
รูปโฉมภายนอกดีไซน์สวย
สำหรับรูปโฉมของ All-New Mazda CX-30 นั้น ก็ยังคงมาพร้อมกับดีไซน์ในเทรนด์ล่าสุดของมาสด้า หากมองผ่าน ๆ ด้านหน้าจะละม้ายคล้ายกับ All New Mazda 3 อยู่ไม่น้อย ด้วยไฟหน้า Projecter LED ดีไซน์เฉี่ยว พร้อมไฟ Daytime Runing Light แบบ LED Signature รับกับกระจังหน้าทรงสวยลายรังผึ้ง ซึ่งทีมดีไซน์เลือกใช้สีสไตล์ Piano Black เสริมความหรูหรา ตัวรถมีเส้นสายน้อยแต่เน้นเสริมความโฉบเฉี่ยว ด้วยคอนเซ็ปต์ Less is More แบบเดียวกับรถรุ่นพี่ที่ออกมาก่อนหน้า ไฟท้ายเป็นแบบ LED Signature ดีไซน์เป็นวงกลมคล้ายกับ All-New Mazda 3 มองสูงขึ้นไปนิดก็จะเจอกับสปอยเลอร์หลัง และไฟเบรกดวงที่สาม ขยับลงมาด้านล่าง เป็นล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว ที่จับคู่มากับยางขนาด 215/55 R18 ในรุ่น S และ SP และขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 215/65 R16 ในรุ่น C
ส่วนใครสงสัยว่าขนาดตัวรถของ All-New Mazda CX-30 นั้นเล็ก ใหญ่กว่ารุ่นพี่รุ่นน้องแค่ไหน เรามีตารางเปรียบเทียบมาให้ดูกันครับ
ตารางเปรียบเทียบ Mazda CX-30, CX-3, CX-5 (หน่วยเป็นมิลลิเมตร)
ตารางเปรียบเทียบ |
CX-30 |
CX-3 |
CX-5 |
ความยาวรวม |
4,395 |
4,275 |
4,550 |
ความกว้างรวม |
1,795 |
1,765 |
1,840 |
ความสูงรวม (ถึงหลังคารถ) |
1,540 |
1,535 |
1,680 |
ระยะฐานล้อ |
2,655 |
2,570 |
2,700 |
ระยะจากล้อหน้าถึงกันชนหน้า |
915 |
910 |
950 |
ระยะจากล้อหลังถึงกันชนหลัง |
825 |
795 |
900 |
ระยะต่ำสุดจากพื้น |
175 |
160 |
193 |
สรุปว่าเมื่อเทียบกับ CX-3 พบว่า All-New Mazda CX-30 ยาวกว่าอยู่ 120 มิลลิเมตร กว้างกว่า 30 มิลลิเมตร ส่วนระยะฐานล้อ ยาวขึ้น 85 มิลลิเมตร
แต่หากเทียบกับ CX-5 ก็จะเล็กกว่าเล็กน้อย เริ่มต้นจากความยาวที่น้อยกว่าอยู่ 155 มิลลิเมตร ความกว้างน้อยกว่า 45 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ สั้นกว่า 45 มิลลิเมตร
ภายในเรียบหรู แฝงความสปอร์ต
All-New Mazda CX-30 ยังคงเอกลักษณ์ของรถมาสด้าได้อย่างครบถ้วน ด้วยการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง คอนโซลหน้ามีเส้นสายสไตล์สปอร์ต แต่เลือกใช้สีและวัสดุแบบซอฟท์ทัช จับแล้วนุ่มมือ ดูหรูกว่าคู่แข่งหลาย ๆ รุ่นในตลาด พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน เบาะนั่งสไตล์ Bucket Seat ที่โอบกระชับตัวผู้ขับขี่ได้ดี นั่งสบายในทุกตำแหน่ง โดยเบาะคนขับเป็นเบาะไฟฟ้า ปรับได้ 10 ทิศทาง บันทึกตำแหน่งได้ 2 ชุด
เรือนไมค์หลักเป็นแบบดิจิตอล TFT LCD พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า Active Driving Display ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องละสายตาจากถนนลงมาในขณะขับขี่ หน้าจอกลางหรือ Center Display มีขนาด 8.8 นิ้ว ที่บริเวณคอนโซลกลางใกล้กับชุดเกียร์ เป็นที่ตั้งของปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander และในรุ่นท็อปจะมาพร้อมกับระบบเสียงลำโพง 12 ตำแหน่งจาก Bose สำหรับระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ Dual Zone ประตูท้ายปิด-เปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ขุมพลัง Skyactiv-G 2.0 + ช่วงล่างสุดหนึบ
ภายใต้ฝากระโปรงของ All-New Mazda CX-30 บรรจุไว้ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร หรือ 1,998 ซีซี. DOHC แบบ 4 สูบ Dual S-VT Electronic Direct Injection ที่ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และให้แรงบิดสูงสุดได้ถึง 213 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที สามารถใช้กับน้ำมัน E85 ได้ แถมยังประหยัดน้ำมันถึง 15 กิโลเมตร / ลิตร ตามสเปกโรงงาน สำหรับระบบส่งกำลังนั้น พละกำลังจากเครื่องยนต์จะโดนถ่ายทอดกำลังไปยังล้อคู่หน้าด้วยการจับมาชนกับเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE 6 จังหวะ พร้อมโหมดบวก/ลบ ActiveMatic แต่จะมีเฉพาะรุ่น 2.0 SP หรือรุ่นท็อปเท่านั้นที่จะมีแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย Paddle Shift มาให้
ส่วนช่วงล่างของ All-New Mazda CX-30 นั้นเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลงในด้านหน้า ส่วนด้านหลังเป็นแบบกึ่งอิสระทอร์ชั่นบีม ที่ดีไซน์ปรับแต่งมาใหม่ เช่นเดียวกับ Mazda3 ที่คนชมกันมากมายนั่นเอง
ระบบความปลอดภัยเต็มสูตร + i-ACTIVSENSE 12 รายการ
All-new Mazda cx-30 มาพร้อมระบบความปลอดภัยระดับสูงสุดเริ่มต้นด้วยระบบถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ประกอบด้วยถุงลมคู่หน้า ถุงลมบริเวณเข่าด้านคนขับ ถุงลมด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย พร้อมเสริมความปลอดภัยให้มากขึ้นด้วยระบบเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ที่เน้นการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุมากถึง 12 ระบบ คือ ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360 ̊ View Monitor), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert), ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control), ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support), ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance หรือ Advanced SBS (Advanced Smart Brake Support), ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse), ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Rear Crossing), ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-keep Assist System), ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System) และ ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
เริ่มต้นทดสอบ
เอาล่ะครับ..เมื่อเพื่อน ๆ รู้จักกับ All-New Mazda CX-30 กันไปคร่าว ๆ แล้ว เราก็มาดูกันถึงสมรรถนะของรถคันนี้ระหว่างการขับขี่จริงบนเส้นทางทดสอบกันเลยดีกว่า
หลังจากเดินทางถึงจังหวัดพิษณุโลก ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย คณะของเราทั้งหมดก็เดินทางต่อไปถึงโรงแรม Pattara เพื่อรับฟังข้อมูลในการทดสอบ หลังจากนั้นก็เริ่มทดสอบจริง
บนเส้นทางช่วงต้นจากซึ่งขับจากตัวเมืองจังหวัดพิษณุโลกนั้น มีสภาพเป็นถนนในเมือง มีการจราจรหนาแน่น มีรถติดบ้างเป็นบางช่วง สลับกับ All-New Mazda CX-30 ซึ่งมีขนาดตัวไม่ใหญ่นัก ก็ทำให้มีความคล่องตัวสูงกับสภาพเส้นทางอย่างนี้ สามารถมุดแทรก ลัดเลาะไปตามสภาพการจราจรได้ง่าย ๆ อีกทั้งอัตราเร่งของเครื่อง Skyactiv-G พิกัด 2.0 ที่ส่งถ่ายกำลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV ก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นช่วงออกตัว เร่งแซง เมื่อเจอทางโล่ง ๆ ก็สามารถเพิ่มความเร็วได้อย่างทันใจ แต่ถ้าใครคุ้นกับรถมาสด้าในเจนเนอเรชั่นหลัง ๆ ก็จะรู้ว่าสไตล์ของรถจะไม่ได้ดึงกระชากสไตล์สปอร์ต แต่จะขึ้นแบบเนียน ๆ สมูท ๆ แต่ถ้าดูกันที่เข็มไมล์ก็จะรู้ว่ารถคันนี้แรงเลยทีเดียว อัตราเร่งในย่านความเร็วช่วงใช้งาน ระหว่าง 80-140 ซึ่งเป็นความเร็วที่ใช้กันตามปกติ เช่นช่วงเร่งแซงระหว่างเดินทางนั้น ถือว่าทำได้ดี มีความต่อเนื่อง ไม่อืดอาด ให้ความมั่นใจได้ในการขับขี่ ส่วนความเร็วช่วงปลายก็ไหลไปได้ถึง 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้แบบสบาย ๆ ซึ่งดูแล้วก็ยังเหลือ ๆ อีกด้วยซ้ำ
ช่วงต่อมาเป็นช่วงเส้นทางบนเขาค้อ ซึ่งเป็นเส้นทางคดโค้ง มีช่วงขึ้นเขา-ลงเขาต่อเนื่องแบบยาว ๆ ซึ่ง Mazda CX-30 ก็สามารถทำงานได้อย่างสบาย ๆ บนเส้นทางแบบนี้ นอกจากในช่วงที่เจอทางชันมาก ๆ จริง ๆ ก็อาจจะต้องมีคิ๊กดาวน์ช่วยอยู่บ้าง แต่เมื่อเปลี่ยนมาใช้ Paddle Shift ช่วยเชนเกียร์ให้ต่ำลง ก็ช่วยให้ขับได้ง่ายขึ้น ยิ่งเปลี่ยนมาใช้โหมดสปอร์ตซึ่งช่วยเพิ่มรอบการเครื่องยนต์ ก็ยิ่งทำให้การขับขี่ทำได้ง่ายขึ้นไปอีก เพราะเครื่องยนต์สามารถตอบสนองต่อคันเร่งได้ดีกว่าเดิม
สำหรับช่วงล่าง All-New Mazda CX-30 ก็ใช้งานได้ดีกับทุกสภาพเส้นทาง มีความนุ่มนวล แต่ไม่ย้วย เมื่อผสานกับระบบ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ซึ่งช่วยปรับแรงบิดให้เหมาะสมกับสภาพของทางโค้ง ก็ทำให้การขับขี่ทำได้ง่ายขึ้น สมกับคอนเซ็ปของรถมาสด้าในเจนเนอเรชั่นนี้ ที่ต้องการสร้างรถให้เป็นมิตรกับผู้ขับขี่
โดยรวมรถคันนี้ถือเป็นรถที่ดีไซน์สวย คนที่ชอบรถขนาดไม่ใหญ่นัก ที่มีรูปโฉมสไตล์สปอร์ต ๆ และขับสนุก บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง ภายในวัสดุดี สวยงาม อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมายครบครัน สามารถใช้งานได้แบบเอนกประสงค์ ใช้ในชีวิตประจำวันได้ หรือเอาไปใช้เป็นรถสำหรับเดินทางท่องเที่ยว ลุย ๆ หน่อยก็ยังได้ เพราะ All-New Mazda CX-30 มีช่วงล่างที่สูงกว่ารถเก๋ง และสามารถบรรทุกของได้เยอะเอาเรื่อง จะติดอยู่นิดเดียวก็เรื่องของห้องโดยสารตอนหลังที่ดูจะแคบไปนิดหากผู้โดยสารเป็นคนตัวใหญ่ ๆ แต่เมื่อเทียบกับสนนราคาค่าตัว ที่เริ่มต้นในรุ่นล่างที่ 989,000 บาท จนไปจบที่ตัวท็อปในราคา 1,199,000 บาทก็ถือว่าเป็นรถที่น่าใช้และคุ้มค่า คุ้มราคาเลยทีเดียว