New Mazda2 จัดทดสอบในสนามช้าง โชว์สมรรถนะ GVC Plus เล่นโค้งแบบเหนือชั้นในสนามแข่งมาตรฐาน

              ทันทีที่เห็นหมายเชิญทดสอบ New Mazda2 แว๊บแรกที่คิดก็คือ “อื้อหือ...มาสด้ามั่นใจในรถซิตี้คาร์ขนาดที่เอาไปวิ่งทดสอบในสนามแข่งเลยทีเดียวเหรอ” เพราะข้อความในจดหมายเชิญนั้น ระบุว่าสถานที่ทดสอบเจ้ารถรุ่นเล็กของมาสด้าคราวนี้คือสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ สนามแข่งรถมาตรฐาน F1 หนึ่งเดียวในประเทศไทย

              หลังจากนั้นก็คิดต่อไปว่าเจ้ารถเล็ก ๆ นี่จะไปโชว์อะไรในสนามแข่งได้ เพราะอัตราเร่งคงไม่ใช่คำตอบของรถไซส์นี้แน่ ๆ  คำตอบที่คิดได้ก็คือ “ความสามารถในการควบคุมรถ ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากระบบ GVC Plus แน่ ๆ”

              ความคิดดังกล่าววนเวียนอยู่ในหัวตลอดจนแม้เครื่องบนที่พาเราไปยังจังหวัดบุรีรัมย์จะแลนดิ้งสู่พื้นดินแล้วก็ตาม จนเมื่อเข้าไปรับฟังคำบรรยายถึงสเตชั่นต่าง ๆ ก็พบว่าสิ่งที่คิดไว้ไม่ผิดไปเลยแม้แต่นิดเดียว

              การทดสอบครั้งนี้ทางทีมงานมาสด้า ขนนักแข่งรถมือเก๋า เช่น หนึ่ง มานะ พรศิริเชิด และ พี่อั๋น สิริคุปร์ เมทะนี พร้อมทีมงาน มาเป็นอินสตรัคเตอร์ พาเหล่านักข่าวเข้าไปสัมผัสกับ New Mazda2 แบบเต็ม ๆ ในสนามช้าง

              และแน่นอนครับ ก่อนจะเล่าบรรยากาศในสนามทดสอบ ตามธรรมเนียม...ก็ต้องขอเล่าสเปกรถคร่าว ๆ ให้ฟังกันสักนิดก่อน เผื่อคนที่ยังไม่รู้สเปกของเจ้า New Mazda2 นี้

             New Mazda2 มีการปรับดีไซน์ภายนอกใหม่หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นกันชนหน้า กันชนหลัง กระจังหน้า ไฟหน้า และไฟท้าย รวมทั้งล้ออัลลอยด์ลายใหม่ขนาด 16 นิ้ว ภายในก็ถูกปรับให้ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น ด้วยวัสดุคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นแผงคอนโซล แผงประตูข้าง ส่วนเบาะนั่งก็ดีไซน์ขึ้นด้วยคอนเซ็ป SKYACTIV – Vehicle Arechitecture ที่เน้นให้ตัวผู้ขับขี่สามารถปรับตัวหลอมรวมกับรถได้อย่างลงตัว ทำให้สามารถขับขี่ และคอนโทรลปุ่มต่าง ๆ ของรถได้อย่างเป็นธรรมชาติ ภายในรถเสริมความสะดวกสบายในการขับขี่ด้วย Active Driving Display จอภาพแสดงข้อมูลการขับขี่ที่ติดตั้งในระดับสายตา ข้างพวงมาลัย ติดตั้ง Paddle Shift ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ และปุ่ม Cruise Control ระบบควบคุมความเร็ว ฯลฯ

              สำหรับขุมพลังนั้น New Mazda2 มาพร้อมกับขุมพลัง 2 แบบเหมือนเดิม ก็คือ คือ สกายแอคทีฟคลีนดีเซล (SKYACTIV-D) 1.5 ลิตร ที่มาพร้อมเทอร์โบแปรผันอินเตอร์คูลเลอร์ ให้แรงม้าสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 250 นิวตัน-เมตร ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยม ประหยัดน้ำมันถึง 26.3 กม./ลิตร และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน (SKYACTIV-G) 1.3 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 93 แรงม้า และแรงบิดสูงถึง 123 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันถึง 23.3 กม./ลิตร โดยเครื่องยนต์ทั้ง 2 รุ่น เป็นเครื่องยนต์ที่ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโรระดับ 5 เรียบร้อย

              เครื่องยนต์ทั้ง 2 แบบของ New Mazda2 มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจ และปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น ด้วยระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับความปลอดภัยรอบคัน อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลังหรือ RCTA (Rear Cross Traffic Alert), ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง พร้อมระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า เป็นต้น

              ซึ่งส่วนใหญ่ที่กล่าวมานั้นจะเป็นการเปลี่ยนแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเป็นระบบที่คงเอาไว้เหมือนรุ่นก่อนหน้า แต่สิ่งที่ถือว่าเป็นไฮไลต์จริง ๆ ก็คือ ระบบ G-Vectoring Control Plus หรือ GVC Plus ซึ่งเป็นระบบที่ทำหน้าที่ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ เพื่อถ่ายเทน้ำหนักของตัวรถไปยังทิศทางต่าง ๆ เพื่อรักษาบาลานซ์ของตัวรถให้ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดกับองศาของโค้งบนถนน โดยการทำงานของมันจะทำงานร่วมกันของเซ็นเซอร์หลายจุด ไม่ว่าจะเป็นทิศทางของพวงมาลัย แรงเหวี่ยงหนีศูนย์ที่เกิดจากการเข้าโค้ง ความเร็วในการหมุนของล้อแต่ละข้าง แล้วนำข้อมูลต่าง ๆ มาประมวลผล และปรับแรงบิดของรถให้เหมาะสมกับสภาพโค้งนั้น ๆ ซึ่งเดิมนั้นระบบ G-Vectoring Control รุ่นแรกที่ไม่ได้มีคำว่า “Plus” ต่อท้ายนั้น จะทำหน้าที่ดังกล่าวในช่วงระหว่างการเข้าโค้งเท่านั้น แต่ในระบบ G-Vectoring Control Plus อันถือเป็นรุ่นปรับปรุงนี้ จะมีการคำนวณอย่างต่อเนื่องไปถึงช่วงที่มีการคืนพวงมาลัยกลับสู่ทางตรง และปรับแรงบิดอีกครั้ง พร้อมช่วยเบรกเบา ๆ ในล้อด้านนอกเพื่อให้บาลานซ์น้ำหนักของตัวรถถ่ายเทไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมในการผลักตัวรถออกจากโค้งได้อย่างต่อเนื่องด้วย

              ระบบดังกล่าวจึงทำให้รถสามารถเข้าโค้งได้อย่างนุ่มนวล มีเสถียรภาพ ผู้ขับขี่จะเกิดความมั่นใจมากขึ้น เพราะอาการเหวี่ยงของตัวรถจะน้อยลง ทำให้ไม่ต้องแก้พวงมาลัยมาก ควบคุมรถได้ง่าย แม่นยำ สามารถเข้า และออกจากโค้งได้อย่างนุ่มนวล รวดเร็ว ในขณะเดียวกันผู้โดยสารก็จะนั่งสบายขึ้น เพราะตัวจะไม่ถูกเหวี่ยงไปมาในขณะเข้าโค้ง

สเตชั่นแรก ทดสอบ GVC Plus

              การทดสอบแรกของ New Mazda2 ในสนามช้าง เป็นการทดสอบการทำงานของระบบ G-Vectering Control Plus หรือ GVC Plus โดยการทดสอบนี้จะเริ่มต้นด้วยการให้ขับพุ่งตรงเข้าไปสู่จุด Lane Chang หรือการเปลี่ยนเลนกะทันหัน โดยหลังจากพ้นจากจุดนี้ ก็จะขับต่อเนื่องไปเล่นกับทางโค้งในสนามช้างอีก 2-3 โค้ง โดยเงื่อนไขการทดสอบก็คือให้ขับ 2 รอบ รอบแรกให้ขับโดยเร่งความเร็วให้ถึงจุดที่กำหนด แล้วยกเท้าออกจากคันเร่ง เพื่อไม่ให้ระบบ GVC Plus ทำงาน พร้อมกับควบคุมพวงมาลัยไปตามทางที่กำหนดเพื่อหลบหลีกอุปสรรค หรือเข้าโค้ง ส่วนรอบต่อมาให้เลี้ยงคันเร่งในช่วงที่ผ่านอุปสรรค และเข้าโค้ง เพื่อให้ระบบ GVC Plus ทำงานระหว่างการขับขี่ และจับความรู้สึกเปรียบเทียบกัน

              สิ่งที่สัมผัสได้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าในขณะที่ระบบ GVC Plus ทำงานนั้น การควบคุมรถทำได้อย่างง่ายดาย รถสามารถเกาะโค้งไปได้แบบสบาย ๆ แทบไม่มีอาการโยนตัวของบอดี้รถให้รู้สึก ซึ่งอาการดังกล่าวทำให้สามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้น รู้สึกปลอดภัย และมั่นใจมากยิ่งขึ้นในการขับขี่อย่างชัดเจน

Hot Lap Full Track

              หลังจากทำความรู้จักกับ GVC Plus กันแล้ว 2 อินสตรัคเตอร์ อย่างเจ้าหนึ่ง มานะ และพี่อั๋น สิรคุปต์ ก็พาบรรดานักข่าว นักทดสอบทั้งหลาย จัดขบวนเข้าไปขับ Hot Lap กันแบบเต็มรอบในสนามช้าง ซึ่งการขับในช่วงนี้ จะเป็นการดึงให้เจ้า New Mazda2 ต้องงัดสมรรถนะของระบบต่าง ๆ ออกมาอย่างเต็มพิกัด เพราะการวิ่งในรูปแบบนี้ แม้จะไม่ได้ใช้ความเร็วเท่ารถแข่ง แต่ก็เร็วเกือบสุดที่รถสแตนดาร์ดจะสามารถใช้ได้ในสนามแข่งเลยทีเดียว  

              จากการทดสอบในช่วงนี้พบว่า New Mazda2 มีอัตราเร่งที่ดีพอตัว ไม่อืดเลยแม้แต่น้อย ถ้าเทียบกับพิกัดเครื่องยนต์ ดังนั้นจึงสามารถพุ่งออกตัวได้อย่างทันใจ แต่ที่น่าประทับใจที่สุดน่าจะเป็นช่วงล่างที่เซ็ตมาอย่างลงตัว แน่น หนึบ ยิ่งเมื่อรวมกับระบบช่วยการทรงตัวแบบจัดเต็มของ GVC Plus ก็ยิ่งทำให้ New Mazda2 สามารถเกาะโค้ง ทุกรูปแบบของสนามช้างได้อย่างสบาย ๆ ด้วยความเร็วที่เกินคาด

              สรุปโดยรวมการทดสอบทั้งหมดในคราวนี้ ทำให้เรารู้จักกับเจ้า New Mazda2 ดีขึ้น จากที่เคยคิดว่าเป็นรถขนาดเล็กสไตล์ซิตี้คาร์ ที่มีสมรรถนะ และช่วงล่างดีเกินตัวอยู่หน่อย ๆ ก็ต้องเปลี่ยนเป็นว่า เป็นรถที่มีสมรรถนะ และช่วงล่าง “ดีมาก ๆ” แทน เพราะการทดสอบคราวนี้ เป็นการทดสอบด้วยสถานการณ์ ที่ปกติ ในการใช้งานทั่ว ๆ ไปเราคงไม่ได้เอารถไปเข้าโค้ง หรือเลี้ยวแรง ๆ กันเหมือนที่ทดสอบกันในสนามแข่งแบบนี้ ดังนี้น คงบอกได้เลยว่าหากใครเป็นสาย Performance ที่อยากได้รถเล็กที่ช่วงล่างเฟิร์ม  ๆ เข้าโค้งดี ๆ แล้วล่ะก็ ห้ามพลาดที่จะต้องไปลองเจ้า New Mazda2 ดูสักครั้ง หรือใครที่ไม่ใช่สายซิ่ง แต่ต้องการรถที่สามารถขับได้แบบมั่นใจในทุกสภาพเส้นทาง มีตัวช่วยเสริมความปลอดภัยในการขับขี่ครบ ๆ ก็น่าจะมีเจ้า New Mazda2 ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกครับ

 

Visitors: 1,008,706