ขับนิสสัน อีโคคาร์ ตะลุยนครนายก ตามรอยพ่อหลวง กับ โครงการ“แค่ใจก็เพียงพอ ตามพ่อที่พอเพียง”

 

          เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมาทีมงานออโต้อินดี้ของเราได้ไปร่วมสืบสานแนวพระราชดำริ และพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในโครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ ตามพ่อที่พอเพียง” ของ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กับกิจกรรมแรกด้วยแนวคิด “เศรษฐกิจพอเพียง: การอนุรักษ์โลกทำได้ง่ายๆ” โดยเป็นการเรียนรู้การดำเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการทำเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนของโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี โดยนายประกอบ ศรีวะรมย์ เกษตรกรต้นแบบ ที่จังหวัดนครนายก

 

           สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ นายปีเตอร์ แกลลี่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานสื่อสารองค์กร นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเดินทางครั้งนี้สื่อมวลชนจะได้ร่วมทดสอบนิสสัน โน๊ต รถยนต์อันเป็นผู้นำเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ นิสสัน อินเทลลิเจน โมบิลิตี้ นิสสัน อัลเมร่า และนิสสัน มาร์ช อีโคคาร์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดตลอดกาล โดยรถยนต์กลุ่มนี้กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างสูงในกลุ่มลูกค้าจากสมรรถนะการประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 20 กิโลเมตร ต่อลิตร และมีอัตราการปล่อย CO2 ที่ 120 กรัมต่อกิโลเมตร ด้วยพื้นที่ในห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบาย อีกทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยีอัฉจริยะมากมายด้านความปลอดภัยอันทันสมัยรายเดียวในกลุ่มรถยนต์กลุ่มนี้ ซึ่งช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย”

           ซึ่งในการเดินทางบนเส้นทางกรุงเทพฯ-นครนายก ที่เริ่มเดินทางจากโรงแรม มิราเคิล แกรนด์ ไปจนถึงอำเภอปากพลี จังหวัดนครนายกนั้น “ออโต้อินดี้” ได้ขับรถอีโคคาร์ซีดานรุ่นเดียว และคันเดียวในทริปคือ “นิสสัน อัลเมร่า” ซึ่งถึงแม้จะเป็นรถที่เปิดตัวมานานพอสมควรแล้ว และก็เคยขับทดสอบมาแล้วในเวอร์ชั่นแรก ๆ แต่การมาสัมผัสอีกครั้งในการเดินทางคราวนี้ ก็พบว่าเจ้าอัลเมร่า เวอร์ชั่นล่าสุดที่ทางทีมงานนิสสันเอามาให้ขับนั้น ได้มีการปรับปรุงในหลาย ๆ ส่วนทำให้ขับสบาย และสนุกมากยิ่งขึ้น

          สำหรับรูปโฉมโนมพรรณของเจ้าอีโคคาร์ซีดานคันนี้ ก็คงไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมมากนัก แต่สิ่งที่แตกต่างไปแบบสัมผัสได้ ก็คือช่วงล่างที่มีการปรับเซ็ตให้เข้าที่เข้าทางมากกว่าเดิม แม้จะไม่ได้เฟิร์มสุด ๆ แบบในรุ่นเวอร์ชั่นพิเศษ “นิสโม่” ที่ออกมาก่อนหน้า แต่ก็เฟิร์มกว่าเวอร์ชั่นแรก ๆ พอสมควร ทำให้สามารถขับได้อย่างมั่นใจในทุกช่วงความเร็ว ทั้งทางตรงและทางโค้ง

           ส่วนในเรื่องเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรที่ติดตั้งมานั้น สำหรับคนที่เคยขับรถเครื่องใหญ่มาก่อนอาจจะอึดอัดไปนิดเวลาเร่งแซงกระทันหัน แต่หากทำความคุ้นเคยกับกำลังเครื่องยนต์และจังหวะของเกียร์ CVT สักหน่อย ก็แทบไม่ใช้ปัญหาในการขับขี่ ยิ่งถ้าดันให้รถลอยตัวไปถึงช่วงเกิน 80 กม./ชม. แล้วล่ะก็รถคันนี้สามารถ “ไหล” ไปได้แบบสบาย ๆ ยิ่งใช้ร่วมกับโหมดสปอร์ตก็ยิ่งขับสนุกและมีอัตราเร่งที่ดีขึ้นกว่าเดิม

          ในการเดินทางครั้งนี้ แม้ว่า “นิสสันอัลเมร่า” ดูจะเสียเปรียบเพื่อนร่วมทริปรุ่นอื่น ไม่ว่าจะเป็นมาร์ช หรือโน๊ต ในเรื่องของน้ำหนักและรูปทรงของรถไปสักหน่อย แต่ก็สามารถไล่กวดตามกลุ่มไปได้แบบไม่ยากเย็น ดังนั้นคงจะบอกได้ว่าหากใครต้องการรถประหยัด ๆ ในรูปทรงซีดาน “นิสสันอัลเมร่า” ก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

          เล่าเรื่องรถกันเสียเพลิน ย้อนกลับมาที่โครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ ตามพ่อที่พอเพียง” ทริปแรกนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เศรษฐกิจพอเพียง: การอนุรักษ์โลกทำได้ง่ายๆ”  โดยเป็นการเข้าเยี่ยมชมโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี  ที่อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก โดยมีนายประกอบ ศรีวะรมย์ ดำรงอาชีพเกษตรกรในพื้นที่มานานหลายปี ได้บุกเบิกพื้นที่รกร้างในอาณาบริเวณกว่า 5 ไร่เพื่อดำเนินการจัดสรรเป็นไร่นาสวนผสม แบ่งเนื้อที่เป็นสัดส่วนที่ชัดเจน มีทั้งอาคารผลิตปุ๋ย โรงสี แปลงปลูกผักและไม้ผล ขุดบ่อเลี้ยงปลา และโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ โดยยึดหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ ซึ่งทั้งหมดดำเนินตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และด้วยการน้อมนำแนวทางพระราชดำริ นายประกอบ ศรีวะรมย์ มีรายได้จากการทำการเกษตรและปศุสัตว์เหลือเก็บเป็นเงินออมสำหรับครอบครัว และยังสามารถพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเกษตรกรในพื้นที่ข้างเคียงเพื่อใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อไปได้อีกด้วย 

 

           “ผมน้อมนำปรัชญาเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาประยุกต์ใช้ทางการเกษตร เริ่มต้นจากการจัดสรรพื้นที่ ทำปุ๋ยใช้เองจากวัสดุที่มีในพื้นที่ ซึ่งสามารถรักษาสภาพแวดล้อม สร้างความสมดุลทางธรรมชาติ ทั้งยังลดรายจ่ายในครัวเรือน และเมื่อเราทำสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว เรายังสามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกรในชุมชนได้สามารถลงมือปฏิบัติตามได้อีกด้วย” นายประกอบ ศรีวะรมย์กล่าว

          นายปีเตอร์ แกลลี่ ได้กล่าวเสริมว่า “สื่อมวลชนไม่เพียงได้สัมผัสวิถีชีวิตของเกษตรกรที่เป็นบุคคลต้นแบบในการน้อมนำพระราชดำริมาปฏิบัติใช้จริงเท่านั้น ยังมีโอกาสได้เรียนรู้หลักวิถีการเกษตรพอเพียงและพึ่งพาตนเองหลากหลายประเภท เช่นการร่วมทำกิจกรรมพิเศษโดยการนำยางรถยนต์เหลือใช้มารีไซเคิลเป็นกระถางเลี้ยงไส้เดือนเพื่อซึ่งถือเป็นเคล็ดลับที่สำคัญของฟาร์ม ในการผลิตปุ๋ยและเตรียมดินที่ดีสำหรับการเกษตรกรรมมากมาย 

          โดยในกิจกรรมการเรียนรู้ครั้งนี้ เหล่าสื่อมวลชนที่ร่วมทริป นอกเหนือจากจะได้รับรู้ถึงทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเป็นรูปธรรม ได้เรียนรู้กลวิธีการเกษตรทฤษฎีใหม่แล้ว ก็ยังได้ลงมือปฏิบัติจริงในเรื่องต่าง ๆ อาทิ การเลี้ยงไส้เดือน การแยกไส้เดือนออกจากมูลไส้เดือน การผสมมูลไส้เดือนเพื่อเตรียมเป็นวัสดุปลูกต้นไม้ การตัดและกลับยางรถยนต์เพื่อใช้เป็นกระถางปลูกต้นไม้ ฯลฯ

          โครงการ แค่ใจก็เพียงพอ ตามพ่อที่เพียงพอของนิสสันจะมีขึ้นระหว่างเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2560 ถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2561 โดยจะมีการเดินทางเพื่อพาสื่อมวลชนสลับสับเปลี่ยนกันไปพบกับบุคคลต้นแบบ และเรียนรู้การดำเนินกิจกรรมเพื่อสืบสานพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ต่อไป

 

ขอขอบคุณ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดโครงการดี ๆ , บริษัท เมนทาแกรม จำกัด กับภาพประกอบสวย ๆ มุมแปลก ๆ จากกล้องโกโปร และ บริษัท เชลล์ (ประเทศไทย) จำกัดที่เอื้อเฟื้อน้ำมันเชื้อเพลิงประสิทธิภาพสูงตลอดการเดินทาง

 

 

 

Visitors: 878,703