Honda Accord 2.0 Minor Change กว่า 700 กิโลเมตร บนเส้นทาง กรุงเทพฯ-เกาะช้าง

          Honda Accord เป็นรถที่ครองใจคนไทยมานาน ในรุ่นปัจจุบันซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2008 ก็เริ่มจะชินตากันแล้ว ดังนั้นทางบริษัท ฮอนด้า จึงกระตุ้นตลาดของ Honda Accord อีกครั้งด้วยการปรับโฉม หรือ Minor Change ทั้งภายนอก-ภายในกันอีกครั้ง พร้อมเพิ่มรุ่นใหม่อีก 2 รุ่น สำหรับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร โดยเน้นการยกระดับความหรูหรา สะดวกสบายให้มากขึ้น คือรุ่น 2.0EL และรุ่น 2.0 EL NAVI ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุด

          ซึ่งผมก็ได้มีโอกาสไปร่วมทดสอบแบบ Group Test บนระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร ของเส้นทางกรุงเทพฯ – เกาะช้าง – กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายนที่ผ่านมาแต่ก่อนที่ไปสัมผัสกับการขับขี่ มาดูกันก่อนดีกว่าว่า Honda Accord Minor Change นี้ เปลี่ยนแปลงอะไรกันไปบ้าง

          การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจนของ Honda Accord Minor Changeคือการเปลี่ยนกระจังหน้า และกันชนหน้าทรงใหม่ ส่วนด้านหลังยังคงไฟท้ายแบบเดิม แต่เพิ่มความหรูหราด้วยคิ้วโครเมียมเข้าไปใต้ชุดไฟบนฝากระโปรงท้าย เพิ่มกุญแจรีโมทคอนโทรแบบพับได้ พร้อมด้วยการเสริมล้อแม็กขอบ 17 พร้อมยาง 225/50 R17 สำหรับ 2 รุ่นย่อยใหม่ที่เพิ่มขึ้น ส่วนภายในนั้น เป็นสีเบจ พร้อมลายไม้สีอ่อน ยกเว้นภายนอก ขาวบริลเลียนท์ (มุก) และ เงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) เท่านั้นที่ภายในเป็นสีดำพร้อมลายไม้สีเข้ม

 

          ส่วนอุปกรณ์ ความปลอดภัยนั้น ก็ใส่เข้ามาให้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ม่านนิรภัย, ระบบช่วยการทรงตัว VSA และระบบเสริมแรงเบรก BA, กระจกหน้าต่างคู่หน้า และกระจกมองข้างลดการเกาะตัวของหยดน้ำ และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED

          สำหรับรุ่น 2.0 EL NAVI นั้นเป็นทางเลือกใหม่ สำหรับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์มาตรฐานใกล้เคียงกับรุ่น 2.4 EL NAVI แต่ไม่ต้องการเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ โดยจะตัดอุปกรณ์บางอย่างออกไปเช่น ไฟหน้า HID ปรับระดับอัตโนมัติ, กระจกมองข้างฝั่งซ้ายเปลี่ยนมุมลงต่ำอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง, เบาะผู้ขับมีหน่วยความจำ, กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ, ม่านไฟฟ้าด้านหลัง, Bluetooth

 

Test Drive

          เส้นทางการเดินทางในครั้งนี้เริ่มต้นจาก โชว์รูม ฮอนด้า ออโต้โมบิล ถนนศรีอยุธยา มุ่งหน้าขึ้นทางด่วน ต่อมอเตอร์เวย์ ไปยังจุดพักแรกที่ปั๊ม ปตท.แยกเขาไม้แก้ว จังหวัดระยอง แล้วขับต่อไปยังร้านอาหาร บารีลามัย ริมหาดสวนสน จังหวัดระยอง ก่อนจะขับต่อไปยังปั๊ม ปตท. จังหวัดจันทบุรี เพื่อเติมน้ำมันแล้วขับไปยังท่าเรือเกาะช้างเฟอรี่ ข้ามไปเกาะช้าง เข้าพักที่โรงแรม The Dewa

          เช้าวันที่ 2 หลังจาก Sheck Out ออกจากโรงแรม ก็แวะกินอาหารกลางวันบนเกาะช้าง ก่อนที่จะข้ามฝั่งเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยตามแผนเดิม การเดินทางจะกลับไปจบที่โชว์รูม ฮอนด้า ถนนศรีอยุธยาเหมือนเดิม แต่เนื่องจากในวันดังกล่าวการจราจรในกรุงเทพฯ ติดขัดอย่างรุนแรง การเดินทางของพวกเราจึงเปลี่ยนไปสิ้นสุดที่สนามบินสุวรรณภูมิแทน

           โดยรถที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้ เป็นรถ Honda Accord Minor Change รุ่น 2.0 EL NAVI ซึ่งถือเป็นรุ่นย่อยรุ่นใหม่ที่เพิ่งออกมา โดยเครื่องยนต์ตัวนี้ เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาดความจุกระบอกสูบ 1,997 ซีซี 16 วาล์ว SOHC i-VTEC มีกำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 19.3 กก.-ม. ที่ 4,300 รอบต่อนาที ส่วนระบบขับเคลื่อนเป็นเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ

          เมื่อเริ่มต้นการเดินทาง ผมขอประจำในตำแหน่งผู้โดยสารตอนหลังก่อน ซึ่งก็พบว่าที่นั่งด้านหลังกว้างขวาง นั่งสบาย แม้ว่าเพื่อนร่วมทริปที่นั่งอยู่ด้านหน้าจะปรับเบาะถอยมาให้เข้ากับส่วนสูงประมาณ 170 กว่าซม. แล้วก็ตาม ก็ยังไม่ติดเข่าของผมซึ่งสูงเกิน 180 เสียด้วยซ้ำแถมยังมีช่องแอร์สำหรับด้านหลังติดตั้งอยู่บริเวณที่เท้าแขนของเบาะหน้า ช่วยลดความร้อนในบางช่วงที่มีแดดส่องเข้ามาทางกระจกหลังไปได้พอสมควร แต่ถ้ามีม่านบังแดดด้านหลังแบบรุ่น 2.4 ด้วยก็จะยิ่งเยี่ยมเข้าไปใหญ่

          ระหว่างเดินทางในช่วงนี้ผมก็สัมผัสกับความนุ่มนวลในตำแหน่งผู้โดยสารไปอย่างเต็มที่ ซึ่งก็รู้สึกว่ารถรุ่นนี้เป็นรถที่นั่งได้สบาย แม้ขับเร็ว ๆ เลี้ยวเร็ว ๆ หรือขับขึ้นสะพาน ผ่านลูกระนาด ก็ไม่กระทบกระแทนมากนักเรียกว่าถ้าเป็นช่วงบ่าย ๆ หลังอาหารมานั่งแบบนี้อาจจะหลับกันได้เลยทีเดียวโดยในการขับขี่ช่วงนี้เพื่อนร่วมทริปทั้ง 2 คนผลัดกันทดสอบอย่างจุใจ ทั้งในเรื่องอัตราเร่ง และความเร็วปลาย ซึ่งก็ได้ผลมาเป็นที่น่าพอใจ ด้วยเครื่องยนต์ในพิกัด 2.0 ลิตร กับความเร็วปลายที่สามารถลากไปได้จนถึง 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

         ช่วงเปลี่ยนคนขับคนที่ 3 ในช่วงบ่าย ผมจึงเปลี่ยนมาประจำที่นั่งคนขับ ซึ่งเมื่อย้ายมานั่งหลังพวงมาลัย ปรับเบาะอยู่สักพัก ก็พบว่าเบาะปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ทำให้การปรับตำแหน่งการขับขี่ทำได้ง่าย และสะดวกสบายจริง ๆ เมื่อปรับตำแหน่งได้ที่ก็พบว่า Honda Accord 2.0 Minor Change เป็นรถที่นั่งขับได้สบายไม่แพ้นั่งโดยสาร พื้นที่วางขากว้างขวาง นั่งได้นานโดยไม่เมื่อยล้า และมีทัศนวิสัยที่ดี

         เมื่อเริ่มออกตัวขับขี่ ก็พบว่า Honda Accord 2.0 รุ่น Minor Change นี้ มีสมรรถนะอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการใช้งานทั่ว ๆ ไป เพราะเมื่อดูจะอืดไปนิดสำหรับคนใจร้อน เนื่องจากน้ำหนักรถที่อยู่ที่ประมาณ 1.5 ตัน แถมด้วยผู้โดยสาร 3 คน เฉลี่ยอีกประมาณ 200 กิโลกรัม รวม ๆ น่าจะอยู่ที่ 1.7-1.8 ตัน ทำให้ในช่วงออกตัวจะช้าสักหน่อย แต่เมื่อเร่งมาสักหน่อยจนเริ่มลอยตัวประมาณ 3,000-3,500 รอบต่อนาที ก็วิ่งแบบสบาย ๆ เมื่อคิกดาวน์ รอบก็กวาดขึ้นไปได้อย่างรวดเร็ว เรียกกำลังให้ตามมาได้อย่างทันใจ รวมทั้งยังเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล

          ในเรื่องของช่วงล่างก็เซ็ตมาได้อย่างลงตัว สามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ๆ ได้อย่างมั่นใจ แม้ว่าตัวรถจะมีอาการยวบ ๆ อยู่เล็กน้อยถ้าไม่ตัดเลนช่วย แต่ไม่ถึงกับเสียการทรงตัว รวมถึงยังรู้สึกเหมือนหน้ารถ เบา ๆ ลอย ๆ กว่ารุ่น 2.4 ที่เคยขับไปบ้าง อาจจะเพราะน้ำหนักของเครื่องยนต์ด้านหน้าที่เบากว่า แต่ก็ยังถือได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี พวงมาลัยสามารถคอนโทรลได้ดี เฉียบคม น้ำหนักไม่เบาจนขับเร็ว ๆ แล้วเครียดเหมือนรถที่ใช้พวงมาลัยไฟฟ้ารุ่นเก่า ๆ

          ส่วนอัตราสิ้นเปลืองนั้น เมื่อดูจากหน้าจอ Trip Computer จากการขับ และด้วยการขับขี่ด้วยความเร็วเฉลี่ยประมาณ 140 กิโลเมตรอยู่ที่ประมาณ 11-12 กิโลเมตรต่อลิตร

          หลังจากขับรถขึ้นเรือเฟอร์รี่ ข้ามมายังเกาะช้าง ซึ่งถนนเป็นทางแคบแบบพับผ้า หรือหักศอกแบบยูเทิร์นกลับขึ้นเนิน จึงแทบไม่มีจังหวะเร่งส่งขึ้นไปได้ อีกทั้งยังต้องขับเป็นขบวน จากเกียร์ D ที่ขับอยู่เริ่มรู้สึกว่ากำลังของรถเริ่มต่ำลง แม้จะคิกดาวน์แล้วก็ตาม จึงต้องมีการไล่เกียร์ลงมาที่ 3 และ 2 ตามลำดับ ตามความเหมาะสมกับสภาพเส้นทางแต่ละช่วง ซึ่งแม้บางจังหวะจะรู้สึกอืด ๆ ไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ช้าจนเกินไป ถือได้ว่าปกติสำหรับเครื่องยนต์ในพิกัด 2.0 ลิตร ส่วนในช่วงทางลงการใช้เกียร์ต่ำก็ช่วยให้มี Engine Break มาช่วยลดความเร็วลงไปพอสมควร ทำให้สามารถขับรถเนินได้แบบเนียน ๆ โดยไม่ต้องใช้เบรกมากนัก

          ซึ่งจากการทดสอบโดยรวมแล้ว Honda Accord 2.0 Minor Change เป็นรถที่ขับขี่ได้สนุก ควบคุมได้ง่าย มีอัตราเร่งสมตัว มีออฟชั่นต่าง ๆ ให้เลือกได้อย่างหลากหลายรุ่น เหมาะกับคนที่กำลังมองหาซีดานขนาดใหญ่ สำหรับการใช้งานทั่ว ๆ ไป แต่ไม่เน้นการขับขี่ด้วยความเร็วสูงมากนัก ซึ่งหากต้องการรถสำหรับการขับขี่แบบดังกล่าวอาจจะต้องหันไปคบกับรุ่น 2.4 แทนครับ

 

 

ขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง

Visitors: 878,481