Honda CR-V 2.4 EL 2WD 500 กิโลเมตร กรุงเทพ-เขาใหญ่

          หลังเปิดตัว New Honda CR-V ได้ไม่นาน บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ก็จัดการทดสอบแบบกลุ่ม โดยในการทดสอบคราวนี้ทางฮอนด้าจัดมารถมาถึง 10 คัน ครบทั้ง 4 รุ่นย่อย ขนสื่อมวลชนร่วมทริปกว่า 40 คน โดยเริ่มเส้นทางการทดสอบจากช็อคโกแล็ต วิลล์ มุ่งหน้าสู่เวลาเวียน รีสอร์ท เขาใหญ่ รวมระยะทางประมาณ 500 กิโลเมตร ซึ่งรถที่ผมได้ขับในคราวนี้เป็นรุ่น 2.4EL 2WD

 

รูปลักษณ์ล้ำสมัยเอาใจวัยรุ่น

          รูปโฉมภายนอกของ New Honda CR-V นั้น ถูกปรับปรุงมาให้มีความโฉบเฉี่ยว มีความเป็นสปอร์ต เอาใจวัยรุ่น ด้วยชุดไฟหน้าทรงเฉียงดูทันสมัย ด้านล่างตกแต่งด้วยพลาสติกสีดำด้านรอบคัน ด้านท้ายรถเป็นไฟท้ายทรงตั้ง พร้อมด้วยประตูหลังเปิดขึ้นด้านบน มีสปอยเลอร์เล็ก ๆ เสริมความสปอร์ต พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3

           ล้อแม็กซ์มี 2 ขนาด โดยรุ่น 2.0 ใช้ล้อขนาด 6.5x17 นิ้ว คู่กับยาง 225/65 R17 แต่ลายแม็กซ์จะต่างกันในรุ่นขับ 2 และขับ 4 ส่วนรุ่น 2.4 นั้นใช้ล้อแม็กขนาด 7x18 นิ้ว ยาง 225/60 R18

ภายในเรียบหรูกว้างขวาง

          ภายในตกแต่งแนวหรู กว้างขวางนั่งสบาย มี 2 สี คือสีเบจ และสีดำ ที่ปรับให้เหมาะกับสีภายนอก แผงประตูเป็นพลาสติกล้วน เน้นความทนทานและดูแลรักษาง่าย

          คอนโซลหน้าออกแบบเรียบๆ คู่กับพวงมาลัย 3 ก้านพร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชั่นในรุ่นท็อป มาตรวัดเป็นแบบ 3 มิติ ตรงกลางเป็นมาตรวัดความเร็ว ขนาบข้างด้วยแถบไฟสำหรับระบบ Eco Coaching โดยจะสว่างเป็นสีเขียวเมื่ออยู่ในช่วงที่ประหยัดสูงสุด ใต้แผงคอนโซลฝั่งขวามีปุ่ม ECON และฝั่งซ้ายมีปุ่ม Start/Stop คอนโซลกลางด้านบนเป็นจอแสดงผล i-MID ต่ำลงมาเป็นจอของเครื่องเสียง พร้อมระบบ Navigator และกล้องมองหลัง ถัดลงมาเป็นสวิตช์แอร์ดิจิตอลแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา

          เบาะคู่หน้าปรับทิศทางด้วยไฟฟ้า ที่เท้าแขน เบาะหลังแยกพับได้แบบ 60:40 ติดตั้งระบบพับแบบกลไก One Motion ซึ่งเมื่อดีงคันโยกเบาะนั่งจะพลิกไปด้านหน้าและพนักพิงจะพับลงเอง

ทดลองขับ

          หลังจากเข้าประจำตำแหน่งคนขับของ New Honda CR-V ปรับเบาะ ปรับกระจกอะไรจนถนัดแล้ว ก็เริ่มขับกันเลย โดยรถคันที่ขับเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC ความจุ 2,354 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 125 กิโลวัตต์ หรือ 170 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม. ที่ 4,300 รอบต่อนาที รองรับแก๊สโซฮอล์สูงสุด E85 ออกเทน 91 ขึ้นไป ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ขับเคลื่อน 2 ล้อ

         ซึ่งในความรู้สึก New Honda CR-V เป็นรถที่ขับขี่ใช้งานทั่ว ๆ ไปได้แบบสบาย ๆ มีอัตราเร่งปานกลาง ไม่หวือหวามากนักตามสไตล์รถเอนกประสงค์ พวงมาลัยเบาแต่ไม่มากนักสำหรับผมแล้วถือว่ากำลังดี ช่วงขับเร็วก็มีการปรับให้หนืดขึ้น เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ขึ้นอีกไม่น้อย การควบคุมทิศทางทำได้แม่นยำ

         อัตราเร่งนั้นหากต้องการเร่งแซงโดยการคิ๊กดาวน์ก็ตอบสนองได้ดีพอสมควร แต่หากไล่คันเร่งให้ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นไปนั้นดูจะช้าไปนิด ส่วนอัตราเร่งเมื่อใช้โหมด ECON กับไม่ใช้นั้นหากขับแบบปกติไปเรื่อย ๆ ก็แทบไม่แตกต่าง แต่ในช่วงคิ๊กดาวน์เร่งแซงกันนั้นจะรู้สึกถึงความแตกต่างอยู่พอสมควร แต่ถ้าขับด้วยโหมด Sport แล้วล่ะก็ ความสนุกก็เกิดขึ้นทันที เพราะสามารถลากรอบเรียกแรงม้า แรงบิดออกมาได้แทบจะแตะ Red Line เลยทีเดียว และยิ่งเมื่อใช้งานร่วมกับ Paddle Shift แล้วก็ยิ่งขับสนุกเข้าไปใหญ่

          ระบบเบรกนั้นก็ดูจะเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้าไปแล้ว กับดิสก์เบรก 4 ล้อที่ตั้งเอาไว้นุ่มนวลจนคนที่ไม่ได้ขับฮอนด้าบ่อย ๆ รู้สึกคล้ายจะเบรกไม่อยู่ ต้องเติมน้ำหนักเท้าลงไปอีกพอสมควร แต่พอขับไปสักพัก เริ่มจับระยะเบรกได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร แถมยังรู้สึกว่าสามารถควบคุมเบรกจะเอานุ่มนวลแค่ไหนได้ตามใจ ส่วนเมื่อต้องเบรกแรง ๆ ก็หยุดได้อย่างมั่นใจและไม่มีอาการหน้าทิ่มมากนัก

          สำหรับระบบกันสะเทือนเป็นแบบอิสระพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังปีกนก 2 ชั้น พร้อมระบบควบคุมการทรงตัว VSA -Vehicle Stability Assist ซึ่งในการใช้งานจริงก็ถือว่าหนึบใช้ได้เลยทีเดียว ด้วยเส้นทางคดโค้งบนเขาใหญ่ทำให้สามารถทดสอบได้อย่างเต็มที่ ซึ่งในช่วงความเร็วต่ำ และกลางก็ถือว่าดีมาก ส่วนในช่วงความเร็วสูงเกินปกติก็ยังสามารถควบคุมรถได้ จะมีเพียงบางจังหวะเท่านั้นที่อาจจะมีอาการท้ายปัดนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงน่ากลัวแต่อย่างใด

          ส่วนในแง่ของความประหยัดนั้น เมื่อขับแบบปกติด้วยความเร็วประมาณ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอัตราบริโภคน้ำมันจะอยู่ประมาณ 10.6 แต่เมื่อหันกลับมาเล่นโหมดสปอร์ต เพื่อลากเกียร์ และเร่งความเร็วให้สูงขึ้น อัตราบริโภคก็ตกลงมานิ่งอยู่ที่ประมาณ 9.6ซึ่งก็ถือไว้ว่าประหยัดพอสมควรกับบอดี้และเครื่องยนต์ขนาดนี้ แต่ที่ดีก็คือสามารถใช้แก๊สโซฮอร์ได้ถึง E85 เลยทีเดียว แต่ในขณะทดสอบนั้นทางฮอนด้าแจ้งว่าเป็นน้ำมัน E10 ครับ

 

ขอบคุณ: บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง          

Visitors: 880,024