TOYOTA VELLFIRE 2.5 SPORT LUXURY VAN …ยนตรกรรมหรู สไตล์สปอร์ต
04-05-2558
เมื่อบทความก่อนหน้า ผมได้แนะนำ TOYOTA ALPHARD รถแวนสุดหรูไปเรียบร้อย ในฉบับนี้ขอต่อด้วยลูกพี่ลูกน้องที่เปิดตัวมาพร้อมกันคือ TOYOTA VELLFIRE โดยส่วนที่แตกต่างที่เด่นชัดที่สุดน่าจะเป็นรูปแบบการดีไซน์รูปโฉมที่เน้น ความเป็นสปอร์ตมากกว่า TOYOTA ALPHARD ที่เน้นหรูหราแบบสุด ๆ เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ต้องการความโฉบเฉี่ยวเร้าใจ มากกว่าความหรูหราเพียงอย่างเดียว
สำหรับรูปโฉมภายนอกนั้น TOYOTA VELLFIRE รุ่นใหม่นี้ ยังคงเอกลักษณ์ไฟหน้า 2 ชั้นที่ดูมีความสปอร์ตเอาไว้เหมือนเดิม แต่มีการปรับหน้าตา และรูปทรงของไฟหน้าและกระจังหน้าให้ดูเฉี่ยว ทันสมัยยิ่งขึ้น ตัวไฟหน้าเป็นไฟโปรเจ็คเตอร์แบบ LED พร้อมขยายขนาดบอดี้ให้กว้างใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกนิดหน่อย
ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งด้วยโทนสีดำ ผสมผสานด้วยลายไม้ดีไซน์หรู พร้อมเบาะนั่งปรับได้หลายรูปแบบ ตอบสนองทุกความต้องการ อีกทั้งยังบรรจุเอาไว้ด้วยระบบความบันเทิงอันครบครัน ประกอบด้วยเครื่องเล่น CD DVD MP3 WMA และช่องเชื่อมต่อ USB AUX จอ LED ระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับบลูธูท ที่ด้านหน้า และจอ LED ขนาด 10.2 นิ้ว พร้อมลำโพงรอบคัน 8 จุด พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้วและระบบความคุมความเร็วอัตโนมัติ CRUISE CONTROL เพิ่มความสะดวกสบายด้วย แผงควบคุมการโทร-รับโทรศัพท์, ปิด-ปิด เพลง ที่พวงมาลัย นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบนำทางเนวิเกเตอร์ สามารถรองรับได้ทั้ง 2 ภาษา ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมรองรับระบบอัจฉริยะ smart G-BOOK อุ่นใจทุกการเดินทาง
อีกทั้งยังมีระบบฟอกอากาศแบบ NANOE ช่วยให้อากาศภายในห้องโดยสารบริสุทธิ์ ไร้กลิ่น เชื้อโรคและมลพิษ ทั่วห้องโดยสารทั้งด้านหน้า และด้านหลัง พร้อมสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารด้วยไฟส่องสว่างแบบซ่อนฝ้า ปรับความสว่างได้ 4 ระดับ เปลี่ยนสีได้ 16 เฉดสี ประตูควบคุมด้วยระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry สะดวกสบาย ปลอดภัย ควบคุมการเปิดและปิดประตู ซ้าย-ขวา และประตูหลังด้วยระบบไฟฟ้า สามารถสั่งการได้จากควบคุมด้วยชุดรีโมต หรือหรือปุ่มควบคุมบริเวณคนขับ
TOYOTA VELLFIRE รุ่นใหม่นี้ ขยายเครื่องยนต์จากรุ่นเดิมที่เครื่อง 2.4 ลิตรมาเป็น 2.5 ลิตร โดยเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOCH 16 วาล์ว Dual VVT-i ความจุ 2,494 ซีซี กำลังสูงสุด180 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 23.94 กก.-ม. ที่ 4,100 รอบต่อนาที รองรับ E20 ผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร 5 ถังน้ำมันจุ 75 ลิตร โดยติดตั้งเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พร้อม SEQUENTIAL SHIFT +/- 7 จังหวะมาทำหน้าที่ส่งกำลังสู่ล้อ
สำหรับระบบกันสะเทือนนั้น ในด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเปลี่ยนใหม่จากเดิมที่เป็นเปลี่ยนระบบกันสะเทือนหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม มาเป็นดับเบิลวิชโบนหรือปีกนก 2 ชั้น เพิ่มการยึดเกาะถนนและเพิ่มความนุ่มนวลให้มากยิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มฉนวนดูดซับเสียงเพื่อให้ห้องโดยสารมีความเงียบกว่าเดิม
ส่วนระบบความปลอดภัยนั้นก็จัดเต็ม ไม่แพ้รุ่นพี่ โดยมีทั้ง กล้องมองหลัง ที่ช่วยให้การจอดในที่แคบเป็นเรื่องง่าย และปลอดภัยมากขึ้น รวมทั้งยังมีตัวช่วยในการขับขี่อีกมากมาย อาทิ ระบบควบคุมการทรงตัวอัจฉริยะ (VSC) ที่ผสานระบบควบคุมพวงมาลัยและระบบควบคุมการทรงตัวได้อย่างลงตัว ในการตรวจวัดระดับการทรงตัวและควบคุมรถทั้งในทางโค้งและถนนเปียกลื่น, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ป้องกันล้อล็อกและการลื่นไถลจากการเบรกกะทันหัน, ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ปรับแรงดันน้ำมันเบรกอิสระทั้งสี่ล้อตามแรงกดในแต่ละล้อเพื่อประสิทธิภาพใน การลดระยะเบรกให้สั้นลง, ระบบเสริมแรงเบรก (BA) ช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกอัตโนมัติในการเบรกกะทันหัน, ระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน (HAC) ป้องกันการลื่นไถลขณะออกตัวในทางชัน เสริมความมั่นใจแก่ผู้ขับขี่, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ป้องกันล้อหมุนฟรีในขณะออกตัว หรือขับขี่บนพื้นถนนลื่น ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถยนต์ได้ดีขึ้น พร้อมกันนี้ยังติดตั้งถุงลมนิรภัยถึง 9 จุด ประกอบด้วยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัยสำหรับผู้โดยสารแถว 2 และ 3 พร้อมแอร์แบ็กหัวเข่าผู้ขับ ผ่านมาตรฐานการชน NCAP ด้วยคะแนนเต็ม 5 ดาว
VELLFIRE ใหม่ มาพร้อมสีภายนอก 3 สี คือ BURNING BLACK (ใหม่), SILVER METALLIC, WHITE PEARL CRYSTAL โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,399,000 บาท