เปิดตำนานรถกระบะคลาสสิก รถกระบะที่แข็งแกร่งและทนทานของเชฟโรเลตสร้างเสน่ห์ดึงดูดคนรักรถคลาสสิกในประเทศไทย

20-10-2558

          เมื่อถามว่าทำไมถึงมีรถกระบะเชฟโรเลตคลาสสิกถึงสองคัน คุณนคร มัยรัตน์ จากกรุงเทพฯ ตอบว่า เพราะเขาเป็นนักสะสมงานศิลปะ และ “รถกระบะเชฟวี่คลาสสิกก็ไม่ได้เป็นแค่รถกระบะ แต่คืองานศิลปะชั้นเลิศ”

          เมื่อเชฟโรเลตเผยโฉมรถกระบะโคโลราโดในประเทศไทยในเดือนกันยายน 2553คุณนครเป็นหนึ่งในเจ้าของรถกระบะเชฟวี่คลาสสิกที่เข้าร่วมงานดังกล่าวพร้อมกับนำรถกระบะคันโปรดของเขาอย่างอาปาเช่ สเตปไซด์ รุ่นปี 1954มาร่วมจัดแสดงคุณนครยังมีรถกระบะเชฟวี่คลาสสิกปี 1959 อีกหนึ่งคัน และเป็นสมาชิกกลุ่มไทยอเมริกันคลาสสิกคาร์คลับมาตลอด 10ปีที่ผ่านมา เขาคาดการณ์ว่าประเทศไทยมีรถกระบะเชฟโรเลตสุดคลาสสิกจำนวนมากถึง 200 คัน

 

          รถกระบะคลาสสิกที่ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติเหล่านี้สะท้อนความเป็นจริงในด้านของความมุ่งมั่นในการผลิตยานยนต์คุณภาพเยี่ยมของเจนเนอรัล มอเตอร์ส ปัจจุบัน รถเชฟโรเลตทุกรุ่นผลิตด้วยหลักการสร้างคุณภาพในกระบวนการผลิตของจีเอ็มเพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านของความทนทานและไว้วางใจได้เสมอ

           คุณอาภากร ศรีเจริญ จากจังหวัดราชบุรีซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกไทยอเมริกันคลาสสิกคาร์คลับ พบกับรถรถเชฟโรเลต อาปาเช่รุ่นปี 1960 ในสภาพผุพังที่ศูนย์จำหน่ายรถมือสองแห่งหนึ่ง แต่คุณอาภากรก็นำรถคันนั้นมาชุบชีวิตให้เหมือนใหม่โดยได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมคลับ “ผมรักรถกระบะอเมริกันอย่างมาก ทุกชิ้นส่วนมีความสำคัญเท่ากันหมด เมื่อเทียบกับรถกระบะยี่ห้ออื่นแล้ว มีเพียงเชฟวี่เท่านั้นที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความเป็นอเมริกันอย่างแท้จริง”

           เมื่อพูดถึงเสน่ห์ของรถกระบะอเมริกันคลาสสิก คุณอาภากรกล่าวเพิ่มเติมว่า “เราไม่สามารถซื้อเวลาได้ แต่เมื่อได้ขับรถคลาสสิกหรือรถวินเทจก็เหมือนกับการซื้อความทรงจำ ผมเคยชมภาพยนตร์ตะวันตกที่มีรถกระบะเหล่านี้ แต่เวลานี้ผมได้นั่งอยู่หลังพวงมาลัยด้วยความรู้สึกที่มากกว่าความภาคภูมิใจ มันคือความสุขและความพิเศษที่ได้คืนชีวิตให้กับรถและได้ขับรถคลาสสิกแบบนี้”

 

          ความทรงจำเกี่ยวกับรถกระบะอเมริกันคลาสสิกไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในประเทศไทย คุณชาลี ยิ้มย่องจากกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเจ้าของรถเชฟโรเลต ซี10 สเตปไซด์ รุ่นปี 1966 กล่าวว่า “ผมซื้อรถเชฟวี่มาจากชายชราคนหนึ่งในจังหวัดนครปฐมซึ่งเขาซื้อต่อมาจากกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในช่วงสิ้นสุดสงครามเวียดนาม ผมรักรถคันนี้มากเพราะดูแข็งแกร่งบึกบึน”

          การตัดสินใจจัดแสดงรถกระบะเชฟวี่สุดคลาสสิกที่งานเปิดตัวโคโลราโดในปี 2553ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อแสดงถึงความแปลกใหม่ แต่เป็นการสะท้อนประสบการณ์เกือบ 100ปีในการผลิตรถกระบะของเจนเนอรัล มอเตอร์ส และประสบการณ์เกือบ 70ปีของเชฟโรเลตรวมถึงเสน่ห์ที่ยาวนานไม่เปลี่ยนแปลง

          ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใดที่ มร. มาร์คอส เพอร์ตี้ กรรมการผู้จัดการของจีเอ็ม ประเทศไทยและเชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทยมีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับรถกระบะเชฟโรเลต เนื่องจากเขาทำงานในศูนย์การผลิตสามแห่งที่ผลิตรถกระบะขนาดใหญ่ของเชฟโรเลตในสหรัฐอเมริกา

 

         “ผมชอบที่จะเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของรถกระบะเชฟโรเลต และผมคิดว่าโคโลราโดรุ่นปัจจุบันที่เราผลิตและจัดจำหน่ายในประเทศไทยเป็นการต่อยอดจากตำนานความสำเร็จดังกล่าว โดยเฉพาะการผลิตที่เน้นความทนทาน เหมือนกับรถกระบะเชฟวี่สุดคลาสสิกที่เรายังสามารถเห็นได้บนท้องถนนทั่วประเทศไทย” มร. เพอร์ตี้กล่าว

           นี่คือบางส่วนของรถกระบะของเชฟโรเลตที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์

 

  • แอดวานซ์ ดีไซน์ ซีรีส์ (ปี 1947 – 1955) (The Advance Design Series) เป็นรถใหม่รุ่นแรกของจีเอ็มหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเวอร์ชั่นปี 1955½ เป็นรถรุ่นแรกที่มาพร้อมเครื่องยนต์สมอลบล็อก V8 ซึ่งขับเคลื่อนอยู่ในคอร์เวทท์เช่นกัน แอดวานซ์ ดีไซน์ ซีรีส์ช่วยวางรากฐานรถกระบะให้เชฟโรเลต และเป็นรถกระบะที่สร้างความสำเร็จให้จีเอ็มและอเมริกาหลังสิ้นสุดสงคราม

 

  • ทาสก์ ฟอร์ซ ซีรีส์ (ปี 19551959) (The Task Force Series)รวมถึงรถกระบะน้ำหนักเบาอาปาเช่และคาเมโอ ซึ่งเป็นรถกระบะสำหรับใช้งานส่วนบุคคลรุ่นแรกของเชฟโรเลต มาพร้อมสีตัวถังและการตกแต่งภายในแบบทูโทน คาเมโอเน้นความหรูหรา ถ่ายทอดการออกแบบหลายส่วนมาจากรถซีดานคลาสสิก เชฟโรเลต เบลแอร์

 

  • คอร์แวร์ 95 แรมพ์ไซด์ รุ่นปี 1961 – 1964 (The 1961-64 Corvair 95 Rampside) เปิดแนวคิดใหม่ให้รถกระบะ โดยมีแผงประตูด้านข้างที่เปิดออกได้ แรมพ์ไซด์เป็นรถกระบะที่มีความแตกต่างอย่างมาก และแสดงถึงศักยภาพของจีเอ็มในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งเป็นแนวคิดที่เรายังคงใช้ในการพัฒนารถกระบะในปัจจุบัน

 

  • เอล คามิโน รุ่นปี 1970 (The 1970 El Camino) สร้างแนวคิดใหม่ให้กลุ่มรถกระบะด้วยเช่นกัน ด้วยการออกแบบคล้ายรถมัสเซิลคาร์ซึ่งมาพร้อมพื้นที่กระบะหลังแทนที่ฝากระโปรงหลัง

 

  • ซี/เค ซีรีส์ (รุ่นปี 1960 – 1999) (The C/K Series) รวมถึงรุ่นทรงอิทธิพลในปี1988 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นความนิยมให้รถกระบะแนวสปอร์ตในช่วงทศวรรษที่ 1990 และนำมาสู่การพัฒนารถกระบะอีกหลายรุ่น อย่างโคโลราโด ไฮ คันทรี สปอร์ต เอดิชั่น
  • ซิลเวอร์ราโด ซีรีส์ (รุ่นปี 1999 – ปัจจุบัน) (The Silverado Series) รวมถึงรุ่นปี 2001 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ดีเซลที่มีพละกำลัง แรงบิดและความประหยัดน้ำมันที่เหนือชั้นที่สุด ทำให้จีเอ็มเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้ถึงสามเท่าภายในปี 2002 จีเอ็มผลิตเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ในประเทศไทยและส่งออกสู่อเมริกาเหนือสำหรับใช้งานในโคโลราโด
  • อวาแลนซ์ รุ่นปี 2002 (The 2002 Avalanche)มาพร้อมตัวถังแบบชิ้นเดียวและระบบการเปลี่ยนพื้นที่กระบะหลังเอกสิทธิ์เฉพาะซึ่งมีช่องระหว่างห้องโดยสารและกระบะหลังเพิ่มความอเนกประสงค์ ตลอดจนแผงกระจกหลังที่ถอดออกได้ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอีกหลายนวัตกรรมที่จีเอ็มนำเสนอในกลุ่มรถกระบะ
  • โคโลราโด ไฮ คันทรี รุ่นปี 2015 (ประเทศไทย) และโคโลราโด รุ่นปี 2016 (สหรัฐอเมริกา)คือรถกระบะขนาดกลางสองเวอร์ชั่นของเชฟโรเลต โคโลราโดเป็นรถที่มีความสำคัญที่สุดของเชฟโรเลตในประเทศไทย และได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในอเมริกาเหนือซึ่งบางรุ่นใช้เครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ที่ผลิตในประเทศไทย

          “โคโลราโดได้รับการพัฒนาและผลิตบนตำนานความสำเร็จของรถกระบะเชฟโรเลตที่ไม่มีแบรนด์ใดเทียบเท่า” มร. เพอร์ตี้กล่าว “ด้วยห้องโดยสารที่หรูหราสะดวกสบายและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในรถกระบะโคโลราโด จึงไม่มีช่วงเวลาใดที่เหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้วในการเป็นเจ้าของรถกระบะคันนี้”

Visitors: 881,358